TRIP TOP TIP : 6 เทคนิคการใช้ PASS อย่างคุ้มค่าที่สุด

90faf38802e980efc37c3a15020611aa_l

1. ก่อนเลือก PASS ให้วางแผนการท่องเที่ยวคร่าวๆ มาก่อนจะดีกว่า

“ทำไมถึงไม่เลือก PASS ก่อนเลือกที่เที่ยวล่ะ?”

คำถามนี้อาจจะเป็นคำถามในใจของใครหลายๆ คน ไม่ว่าจะเซียนญี่ปุ่น หรือมือใหม่ก็น่าจะมีความคิดประมาณนี้บ้าง แต่ถ้าจะบอกว่ามันผิดหรือถูกนั้นก็บอกได้เลยว่าไม่ได้ผิดอะไรเลย แต่วันนี้เราจะมาบอกว่าทำไม ถึงแนะนำให้เลือกที่เที่ยวก่อนเลือก PASS

การเลือก PASS เป็นตัวตั้ง จะเป็นการบีบบังคับเราไปโดยปริยาย

ถึงแม้ว่า PASS ต่างๆ จะใช้เดินทางได้ไม่จำกัดจำนวนครั้งก็ตาม แต่สิ่งที่มันจะบีบเราก็คือ “เวลา” และ “ขอบเขต” สองอย่างนี้จะมาบีบเราให้ต้องเที่ยวให้คุ้ม และเที่ยวให้ครบที่สุด และนั่นอาจจะหมายถึงความรีบ ทำให้เราอาจจะได้ใช้เวลากับการท่องเที่ยวในแต่ละจุดน้อยลง บางครั้งแผนที่เราวางตามพาสที่เราจะใช้นั้น มันจะไม่ตรงกับความต้องการของเราก็ได้ เพียงแต่เรานั้นยอมตัดบางส่วนที่เราสนใจในตอนแรกออกไป หรือบางครั้งก็จะทำให้เราพยายามที่จะใช้มันให้คุ้มกับที่จ่ายมา ก็จะทำให้เกิดความรู้สึกเสียดายในภายหลัง

ตอบโจทย์ตัวเองให้ได้ก่อนว่าเราจะไปที่ไหนบ้าง แล้วจึงดู PASS ถ้าหากยังไม่แน่ใจ ให้ลองดราฟแพลนของเราเอาไว้ว่า เราอยากไปเมืองนี้ เมืองนั้น ในระยะเวลาเท่านี้เราจะไปที่ไหนบ้าง เมื่อทำเสร็จแล้วค่อยหาพาสที่ครอบคลุมที่สุด แล้วอาจจะลองปรับเปลี่ยนแผนให้ลงตัวที่สุดหลังจากนั้น

12bd1818a33996a705a401a6c35ea656_l

2. ประเมินค่าใช้จ่ายแบบราคาปกติด้วยก็ดี

บางคนอาจจะสงสัยว่า ซื้อ PASS ไปแล้ว มันก็จ่ายราคาเดียวนี่ ทำไมต้องมาคิดราคาปกติด้วย ถ้าถามว่าสำคัญไหม ก็ต้องบอกว่าไม่สำคัญ แต่มันจะมีผลทางใจมากกว่า ลองคิดง่ายๆ ว่า เราถือ JR EAST PASS (Tohoku) แล้วนั่งรถชินคันเซ็นไปกลับ Aomori ซึ่งราคา PASS นั้น อยู่ที่ 19,000 เยน แต่ถ้าเราจ่ายปกติเที่ยวละ 17,150 เยน ไปกลับก็ 34,300 เยน แค่นี้ก็รู้สึกได้ถึงความคุ้มค่าแล้ว และจะช่วยให้เราไม่ต้องกังวลว่าจะคุ้มหรือไม่ มันจะทำให้เราไปไหนก็ได้ และไม่ต้องฝืนใช้ให้คุ้มอีกต่อไป

Untitled-1

3. Google Map และ Hyperdia คือเพื่อนที่ดีของเรา

ถึงแม้ว่ารถไฟจะวิ่งตามเส้นทางอยู่แล้ว แต่การมี Google Map ก็จะช่วยให้เราเข้าใจเส้นทางรถไฟได้ง่ายขึ้น หรือจะบอกว่ามันช่วยให้รู้สึกอุ่นใจมากยิ่งขึ้นก็ได้ บางทีเราอาจจะขึ้นรถไฟผิดขบวน แล้วรถไฟก็ได้วิ่งออกไปแล้ว การดูแผนที่ก็จะช่วยให้เราลองดูสถานีต่อๆ ไปได้ว่าไกลแค่ไหน ระยะทางประมาณเท่าไร และสถานีที่เราสามารถลงไปแก้ไขความผิดพลาดได้นั้นคือสถานีอะไร เพราะรถไฟนอกเมืองบางสายนั้นจะมีจำนวนเที่ยวที่น้อยมาก ถ้ามีแผนที่ช่วย ก็ยังพอจะช่วยวางแผนในการแก้ไขได้ง่ายขึ้น นอกจากนี้ Google Maps ยังช่วยหาข้อมูลการเดินทางได้ด้วยเช่นกัน ส่วน Hyperdia นั้น ใช้เช็คเที่ยวรถไฟได้สะดวก มีรายละเอียดบอกเป็นตัวหนังสือชัดเจน

แนะนำให้ศึกษาข้อมูล PASS ว่ามีขอบเขตถึงตรงไหนบ้าง เพื่อป้องกันปัญหาการเดินทางหลุดนอกเส้นทาง

cb942f2c26e429f937fdbcd017d33777_l

4. ถ้าจองที่นั่งได้ก็จองไปเลย (Reserved Seat)

PASS บางตัวนั้นสามารถใช้ในการจองที่นั่งล่วงหน้าได้ โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม โดยปกติแล้วการจองที่นั่งนั้นจะมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมเล็กน้อย ซึ่ง PASS หลายตัวนั้นสามารถทำการจองที่นั่งได้โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย  และการจองที่นั่งก็เป็นการการันตีว่าเราจะได้นั่งแน่ๆ แต่บางคนอาจจะสงสัยว่าชินคันเซ็นมันไม่ได้นั่งทุกคนเหรอ? คำตอบคือ มันมีตั๋วยืนด้วย! หมายถึงที่นั่งเต็ม แล้วต้องยืนแทน ไม่ได้มีตั๋วแบบยืนขายนะ ที่สำคัญการจองที่นั่งนั้น เราจะได้ไปนั่งในตู้แบบสำรองที่นั่ง นั่นก็หมายความว่า จะไม่มีใครมายืนข้างๆ หรือขาวงทางในตู้นั้นแน่นอน เพราะว่าตู้ที่สำรองที่นั่งนั้น จะกันไม่ให้ใครก็ตามที่ไม่ได้จองมานั่งหรือยืนนั่นเอง เพื่อความสะดวกสบาย และอาจจะช่วยให้ไม่เกิดความแออัดด้วย ทั้งนี้ มันก็ไม่ได้แน่นไปสะทุกสายหรอก

ส่วนใครที่ไม่แน่ใจเรื่องเวลา ก็ไม่ต้องจองที่นั่งก็ได้ เที่ยวให้เราพอใจก่อนค่อยขึ้นรถไฟก็ไม่เสียหาย

d5ca88a71d51fa0d33d686b9661bd21b_l

5. ติดตามสถานการณ์ของเรทเงินเยนอย่างใกล้ชิดก่อนทำการซื้อ PASS (แบบจองล่วงหน้า)

เรื่องเรทเงินนั้น จะมีผลกระทบกับเราอยู่เล็กน้อย แต่ก็อาจจะยิ่งใหญ่ในความรู้สึก โดยเฉพาะกับคนที่ต้องการจะซื้อ PASS ที่มีราคาสูงอย่าง Japan Rail Pass แบบทั่วประเทศ

ตัวอย่างเช่น Japan Rail Pass 7 วัน ราคา 29,110 เยน
เรท 100 เยน : 30 บาท = 8,733บาท
เรท 100 เยน : 31 บาท = 9,024 บาท
แค่ 1 บาท กลับสร้างความแตกต่างของราคา Japan Rail Pass มากเลยทีเดียว

(ใช้เรทเงินในตัวอย่างแบบคร่าวๆ โดยอิงกับเรทในช่วงเดือน สิงหาคม 2017)

ทั้งนี้แต่ละตัวแทนจำหน่ายอาจจะมีเรทไม่เท่ากัน ให้ลองสอบถามตัวแทนจำหน่ายหลายๆ เจ้าแล้วเลือกเจ้าที่เราพอใจที่สุด ซึ่งบางเจ้าอาจจะมีโปรหรือไม่มีก็ได้ ถ้าจะเน้นคุ้มค่าให้สุดๆ ก็จะต้องลำบากนิดหน่อยในการติดต่อหลายๆ เจ้า พาสหลายชนิดหากซื้อล่างหน้าจากตัวแทนจำหน่ายจะได้ส่วนลดด้วยนะ

หากเราติดตามข่าวสารและเรทแลกเงินอยู่ตลอด จะช่วยให้เราประหยัดค่าใช้จ่ายได้อีกเล็กน้อย และอาจจะช่วยให้รู้สึกดีขึ้นได้ด้วย แต่ในกรณีที่เรทแลกเงินยังสวิงอยู่ และกลัวว่าเรทมันจะไปไกลกว่าที่เราจะรับไหว แนะนำให้ทำการตั้งเพดานเรททั้งสูงและต่ำเอาไว้ ว่าถ้าหากขึ้นถึงตรงนี้แล้วและมันอาจจะมีแนวโน้มที่จะมากขึ้นอีก ก็ให้แลกเอาไว้เลย จะแลกเป็นก้อนๆ ไว้ก่อนก็ได้ ถ้ายังไม่ได้บินในเร็ววันนี้ ส่วนถ้าเรทเงินถูกลง ก็สามารถแลกเงินไว้อีกก้อนหนึ่งได้ แต่ถ้าใครต้องแลกทั้งหมด ก็ต้องยอมรับมัน

เพิ่มเติมสำหรับการแลกเงิน แต่ละร้านจะมีเรทไม่เท่ากัน แต่จะไม่ห่างกันมากนัก แต่อย่าลืมว่าบางร้านนั้น มีเรทที่ถูกจริง แต่การที่เราต้องเดินทางไปเพื่อแลกเงินโดยเฉพาะที่ร้านนี้ บางครั้งค่าเดินทางเรามันกลับเยอะกว่าการแลกเงินร้านใกล้ๆ ด้วยซ้ำ ดั้งนั้นการจะแลกเงินนั้น ก็ต้องดูต้นทุนส่วนนี้ด้วยเช่นกัน ยกเว้นว่าบางคนจะยังไงก็ได้ ไม่ซีเรียส หรือมีเหตุผลให้ไปแถวร้านนั้นๆ อยู่แล้วก็ไม่จำเป็นต้องสนใจ

DSCF6989

6. ออกเช้า กลับมืด

ออกแต่เช้า กลับมืดๆ ก็จะได้เที่ยวนานๆ ถ้าในแพลนต้องเดินทางเยอะก็จะยิ่งคุ้ม เพราะ PASS แทบทั้งหมดนั้น จะตัดรอบเป็นวันๆ ไป ดังนั้นการออกแต่เช้าก็จะช่วยให้มีเวลาท่องเที่ยวเพิ่มขึ้น ที่สำคัญคือนักท่องเที่ยวน้อย ทำให้สามารถเดินเที่ยวถ่ายรูปได้อย่างสบายใจ ไม่มีคนเยอะแยะ แต่บางสถานที่ท่องเที่ยวก็เปิดสายๆ ดังนั้นอาจจะต้องวางแผนให้ดี ว่าออกแต่เช้าไปทำอะไร หรือจะออกสายหน่อยให้พอดีเวลาก็ได้ ส่วนขากลับ(หรือต่อที่อื่น) ถ้ามีแผนรองรับสำหรับช่วงค่ำก็ดีเหมือนกัน ต่างจังหวัดอาจจะยากหน่อย แต่ถ้าในเมืองใหญ่นั้นเรียกได้ว่าสบาย

ใครที่อยากออกตอนช่วงเช้าตรู่ก็จะมีโอกาสได้เห็นพระอาทิตย์ขึ้นด้วยนะ (แต่ละฤดู เวลาพระอาทิตย์ขึ้นไม่เหมือนกัน)

 


ข้อมูลเหล่านี้คือข้อมูลที่ทางเราได้วิเคราะห์จากการใช้งานจริง ดังนั้นข้อมูลอาจจะไม่ตรงกับผู้อ่านบางท่าน ซึ่งอาจจะมีประสบการณ์การใช้งานที่ต่างกันไป ทางเรายินดีที่จะรับฟังและสามารถแชร์ข้อมูลที่ผู้อ่านเจอผ่านทาง Facebook

FOLLOW US ON
FACEBOOK