เรื่องย่อ ดั่งดวงหฤทัย

“เธอ…มิใช่สายน้ำแต่เธอเย็นฉ่ำชื่นหวาน
เธอ…มิใช่ลำธารแต่เธอไหลผ่านเนื้อหัวใจ
ความรัก…เสลาสลักสวยใส
งามใดเล่า..งามใดเทียบได้งดงาม…ความรัก
จรดลึก..ในความทรงจำลึกล้ำ..ย้ำรอยสลัก
นิรันดร..นั้นนานนักแต่รักนี้…นานกว่านั้น”

กาสิกพันธุรัฐและทานตะสามดินแดนที่ในประวัติศาสตร์เคยทำสงครามกันมาเป็นระยะกาสิกมีความเข้มแข็งทางทหารมากที่สุดชนะในการรบเสมอกองทัพกาสิกมีชื่อเสียงมาแต่โบราณนามว่า“เหยี่ยวหิมะ” ทหารอดทนแข็งแกร่งและโหดเหี้ยมเด็ดขาดชำนาญการรบบนเขากันดารหนาวเหน็บเก่งการต่อสู้ประชิดด้วยดาบสั้นและระยะไกลด้วยธนูแม้แต่การรบทางน้ำในอากาศร้อนกาสิกก็ทำได้ดีเพราะความอึดผิดมนุษย์ของทหาร

เดิมกาสิกเคยเป็นมหาอำนาจยาตราทัพผ่านพันธุรัฐมีอาณาเขตคลุมถึงทานตะพันธุรัฐและทานตะต่างส่งเครื่องราชบรรณาการไปให้และกาสิกก็ส่งข้าหลวงไปคุมการบริหารประเทศของพันธุรัฐและทานตะแต่เจ้าหลวงองค์อัยกา(ปู่)ของเจ้าหลวงองค์ปัจจุบันมีนโยบายรักสันติทรงเชื่อในการอยู่ร่วมกันอย่างเสรีมากกว่าการครอบครองด้วยการกดขี่กาสิกจึงถอนตัวออกจากการปกครองพันธุรัฐและทานตะในรัชสมัยพระองค์

“กาสิก” เย็นยะเยือกตลอดปีมีหน้าร้อนปีละ 2-3 เดือนอาณาเขตครอบคลุมหมู่ขุนเขาสูงใหญ่ใจกลางคาบสมุทรกัปตาฬีเพาะปลูกได้ยากประชากรเลี้ยงสัตว์เร่ร่อนจำพวกจามรีม้าแพะแกะวัวและเป็นพรานป่าประเทศร่ำรวยเพราะมีเหมืองเพชรทองคำและรัตนชาติจำนวนมากร่ำลือว่าผู้คนนิสัยใจคอโหดร้ายเย็นชาไม่ค่อยแสดงความรู้สึก ไม่เป็นมิตรผิวขาวซีดนิยมแต่งกายสีดำปักดิ้นเงินดิ้นทองเสื้อผ้าถักทอจากขนสัตว์หนังสัตว์และเฟอร์

“พันธุรัฐ” แผ่นดินราบลุ่มริมแม่น้ำอันกว้างใหญ่อากาศเย็นสบายอุดมสมบูรณ์ด้วยป่าไม้สัตว์ป่าสมุนไพรทำการเพาะปลูกได้ดีเป็นที่พึ่งพิงด้านสินค้าการเกษตรพืชผักผลไม้ให้กาสิกและทานตะเป็นแหล่งปลูกชากาแฟฝ้ายมีชื่อเสียงในการทอผ้าฝ้ายผ้าแพรผู้คนผิวพรรณดีหน้าตาสวยงามอ่อนหวาน(ถึงแม้จะเป็นผู้ชายก็ตาม) ผู้คนรักสงบสบายอ่อนโยนเอื่อยเฉื่อยชอบใส่เสื้อผ้าโทนสีขาวเหลืองนวลครามฟ้า

“ทานตะ” อยู่ใต้สุดคาบสมุทรเป็นแหลมยื่นออกไปในทะเลทั้งสองด้านแดดจัดสลับฝนตกตลอดปีอ่อนแอทั้งด้านการทหารและเศรษฐกิจเป็นเมืองท่าขนส่งสินค้าการประมงปลูกมะกอกผู้คนมีผิวสีหน้าตาเข้มคมชอบร้องรำทำเพลงอุปนิสัยโผงผางร้อนแรงจัดจ้านแสดงออกเปิดเผยเก่งศิลปะปักผ้าทอผ้าย้อมผ้าด้วยลวดลายสีสดใสแต่งกายสีสดเช่นฟ้าเขียวชมพูแดงแสดน้ำเงินสดขึ้นชื่อในเรื่องการปั้นเครื่องปั้นดินเผาลงสีสดใสดิบๆ

กาสิกต้องการออกทะเลเพื่อติดต่อค้าขายและสั่งซื้อเครื่องจักรกลเข้ามาสร้างโรงงานอุตสาหกรรมภายในประเทศแต่มีอุปสรรคเรื่องการคมนาคมขนส่งทางเดียวที่กาสิกจะติดต่อกับนานาประเทศได้นั่นคือการล่องเรือผ่านแม่น้ำกัปตาฬีที่ไหลผ่านพันธุรัฐและออกสู่ทะเลที่ท่าเรือของทานตะ

 

เรื่องราวทั้งหมดเริ่มต้นขึ้นจากการที่เจ้าหญิงมณิสราเทวีแห่งทานตะต้องเสด็จโดยทางชลมารคขึ้นไปตามแม่น้ำกัปตาฬีเพื่อไปทรงอภิเษกกับเจ้าหลวงรังสิมันต์รัตน์แห่งกาสิกผู้มีหัวใจเย็นชาดุจน้ำแข็งที่ผู้คนร่ำลือว่าสามารถสั่งตัดหัวตัดมือนักโทษให้ชมในระหว่างเสวยอย่างสำราญดุจทอดพระเนตรมหรสพงานอภิเษกสมรสที่จะเกิดขึ้นเป็นไปตามที่คณะมนตรีของทั้งสองประเทศได้ตกลงกันไว้กาสิกต้องการขยายดินแดนออกสู่ทะเลการได้เป็นอันหนึ่งอันเดียวกับทานตะด้วยสายสัมพันธ์ทางราชวงศ์จึงเป็นเรื่องน่ายินดีส่วนทานตะก็ยินยอมตามเงื่อนไขนี้เพื่อเพิ่มความมั่นคงทางเศรษฐกิจและหากต้องทำศึกกับกาสิกโอกาสที่ทานตะจะชนะนั้นไม่มี

แต่เรื่องทั้งหมดกลับไม่เป็นไปตามแผนเมื่อเจ้าหญิงมณิสราพระคู่หมั้นได้หายตัวไปจากขบวนเรือในแม่น้ำกัปตาฬีขณะแล่นผ่านป่าใหญ่ในพันธุรัฐเหล่าเสนาบดีของกาสิกสงสัยว่าเป็นการแย่งชิงตัวเจ้าหญิงซึ่งถ้าเป็นเช่นนั้นจริงจะถือเป็นว่าการหมิ่นพระเกียรติของเจ้าหลวงกาสิกเจ้าหลวงรังสิมันต์ตัดสินพระทัยเสด็จไปพันธุรัฐอย่างลับๆเพื่อสืบหาข้อเท็จจริงและจัดการเรื่องนี้ด้วยพระองค์เอง

ฝ่ายเจ้าหญิงทรรศิกากัญญาวดีแห่งพันธุรัฐผู้งดงามฉลาดเฉลียวอ่อนหวานแต่เคร่งขรึมเป็นหนอนหนังสือเป็นกวีร้องเพลงไพเราะเก่งในเกมกีฬาเกือบทุกชนิดมีความรอบรู้วิชาการหลายด้านสนใจเรื่องการเมืองการปกครองและความสัมพันธ์ระหว่างประเทศแต่ไร้เดียงสามากในเรื่องความสัมพันธ์กับเพศตรงข้ามเมื่อทรงทราบข่าวเรื่องการหายตัวไปของเจ้าหญิงทานตะในเขตพันธุรัฐก็กังวลว่าเหตุการณ์นี้จะเป็นชนวนทำให้สถานการณ์การเมืองระหว่างประเทศบานปลายและนำมาซึ่งสงครามประกอบกับเจ้าชายทยุติธรบวรรังสีมกุฏราชกุมารแห่งพันธุรัฐพระเชษฐา (พี่ชาย) ของเจ้าหญิงทรรศิกาเจ้าชายรูปงามที่โปรดปรานงานศิลปะแขนงต่างๆโดยเฉพาะการปั้นรูปประติมากรรมไม่สนพระทัยเรื่องการบ้านการเมืองแต่มีจิตใจเกลียดพวกกาสิกมากมาแต่ไหนแต่ไร ก็กำลังเสด็จประพาสอยู่บริเวณป่าแถวนั้นพอดีพร้อมด้วยธารเทพทหารองครักษ์คนสนิทที่เหล่าเสนาบดีและพระญาติพระวงศ์ทรงวิตกมาตลอดว่าเจ้าชายกับธารเทพสนิทกันมากเกินไปจนใครๆลือกันไปว่าเจ้าชายไม่โปรดสตรี

เจ้าหญิงทรรศิกาเกรงว่าพี่ชายจะเกี่ยวข้องหรือไม่  เพราะที่เกิดเหตุคือใกล้ที่ประทับ จึงรีบเสด็จออกไปตามระหว่างทางสีนิลม้าทรงตัวโปรดของเจ้าหญิงพยศเกือบพลัดตกหน้าผาแต่มีชายชุดดำมาช่วยฉุดพระองค์ขึ้นมาแล้วชายผู้นั้นก็หายไปเหล่าเสนาบดีที่ตามเสด็จคิดว่าเป็นคนภูเขาธรรมดาแต่ความเป็นจริงแล้วไม่ใช่

ครั้นเมื่อเดินทางไปถึงบริเวณเกิดเหตุคณะของเจ้าหญิงไม่พบวี่แววใดๆของเจ้าชายทยุติธรที่ตำหนักในป่าก็ไม่อยู่  ตอนนั้นเริ่มเย็นแล้วม้าของเจ้าหญิงได้รับบาดเจ็บทหารที่ตามมาก็มีไม่มากทั้งหมดจึงตัดสินใจรีบกลับวังหลวงเพื่อความปลอดภัย

 

ด้านพระราชเทวีแห่งพันธุรัฐมีความกังวลพระทัยในเรื่องสถานการณ์บ้านเมืองรวมถึงอุปนิสัยใจคอของโอรสธิดาที่แตกต่างกันมาตั้งแต่เยาว์วัยประกอบกับช่วงนี้ทรงประชวรที่ด้วยอาการปอดที่เรื้อรังเจ้าหญิงทรรศิกากับแม่นมจึงไม่รายงานเรื่องราวต่างๆให้ทราบอีกทั้งให้พระราชเทวีเสด็จไปรักษาตัวที่ต่างเมืองเพื่อจะได้ไม่รับรู้ความเป็นไปในขณะนี้พระราชเทวียอมเสด็จไปเพราะมั่นใจว่าเจ้าหญิงทรรศิกาจะแก้ไขทุกอย่างได้

ทางด้านเจ้าหญิงมณิสราไม่ได้ทรงถูกลักพาตัวไปแต่หลบหนีจากขบวนเสด็จเนื่องจากไม่ต้องการอภิเษกกับชายที่ตนไม่ได้รักโดยเฉพาะผู้มีชื่อเสียงเลื่องลือว่าใจร้ายโหดเหี้ยมพระองค์ขโมยม้าของทหารหนีเข้าป่าแต่ด้วยความไม่ชำนาญการทรงม้าและเส้นทางป่าที่รกทึบเจ้าหญิงตกจากหลังม้าบาดเจ็บเซซังไปติดตาข่ายดักสัตว์ของพรานถูกแขวนอยู่บนต้นไม้จนอ่อนแรงสุดท้ายได้รับการช่วยเหลือจากเจ้าชายทยุติธร    แต่เจ้าหญิงก็ยังหนีต่อ  เพราะนึกว่าจะถูกนำตัวกลับไป และกระโดดเหวฆ่าตัวตาย ทำให้เจ้าชายกับธารเทพต้องปีนลงไปช่วยอย่างยากลำบาก

เจ้าหญิงฟื้นขึ้นมาที่กองไฟริมธารก้นเหวกลางดึก ทรงขอเจ้าชายลี้ภัยอยู่ในพันธุรัฐทรงยืนยันว่าจะฆ่าตัวตายหากเจ้าชายจะส่งพระองค์ไปให้เจ้าหลวงกาสิกเจ้าชายพระทัยอ่อนยอมให้เจ้าหญิงประทับอยู่ด้วยเป็นการชั่วคราวแต่ธารเทพไม่เห็นด้วยจึงแอบส่งสารไปกับนกพิราบเพื่อปรึกษาท่านเสนาบดีกลาโหม

เจ้าหญิงทรรศิการ้อนพระทัยตัดสินใจเสด็จลับๆไปตำหนักป้อมปืนของพระเชษฐาพร้อมองครักษ์ชุดขาวระหว่างทางถูกกลุ่มโจรชุดดำซุ่มโจมตีทรงพลัดกับเหล่าองครักษ์และหลงทางอยู่ในป่าจนได้มาเจอนายพรานหนวดเคราครึ้มนั่งก่อไฟต้มชาอยู่เจ้าหญิงทรงขอความช่วยเหลือเพราะอากาศยามค่ำเริ่มหนาวเย็นขึ้นทุกทีแต่ปรากฎว่าถูกวางยาสลบในน้ำชาและทรงถูกลักพาตัวไป

เมื่อเจ้าหญิงทรรศิกาทรงฟื้นขึ้นในกระโจมประทับแรมของขบวนโจรชุดดำได้พบกับกระวานสาวชาวป่าพันธุรัฐที่เก็บสมุนไพรอยู่บริเวณชายแดนที่มีคนจ้างมาเป็นนางกำนัลดูแลเจ้าหญิงคิดอุบายสลับเสื้อผ้ากับกระวานปลอมตัวเป็นสาวชาวบ้านออกไปหาสีนิลที่ถูกพวกโจรจับได้และยึดไว้ เพื่อขี่กลับพันธุรัฐแต่ชายหัวหน้าโจรรู้ทันเจ้าหญิงรีบขี่ม้าหนีแต่ไม่พ้นหัวหน้าโจรขี่ม้าตามมาจับพระองค์ขึ้นมาในอ้อมกอด เจ้าหญิงร้องขอชีวิตโดยจะยกสร้อยทับทิมที่พระบิดาพระราชทานมาจนหัวหน้าโจรประกาศว่าตนคือเจ้าหลวงรังสิมันต์และเป็นคนเดียวกับที่วางยาสลบพระองคค์เจ้าหญิงเห็นแหวนที่เจ้าหลวงทรงสวมก็หมดคำถาม

เจ้าหญิงทรรศิกากับเจ้าหลวงรังสิมันต์หลงอยู่ในป่าเจ้าหญิงทั้งทรงกระหายน้ำและหิวแต่ไม่ปริปากเจ้าหลวงพยายามดูแลช่วยเจ้าหญิงจากการถูกงูพิษกัดหาที่พักที่เป็นโพรงหินให้เจ้าหญิงคิดว่าตนกลายเป็นเชลยทางการเมืองสำหรับแลกเปลี่ยนตัวกับเจ้าหญิงมณิสราจึงวางพระองค์ในฐานะเชลยไม่ยอมผูกมิตรใดๆทรงเห็นใจเจ้าหญิงมณิสราที่จะต้องแต่งงานกับชายที่ป่าเถื่อนเช่นนี้ฝ่ายเจ้าหลวงก็ยิ่งทรงแกล้งทำตัวดุร้ายให้สมคำร่ำลือ

ทั้งสองพระองค์ใช้ชีวิตอยู่ในป่าร่วมกันหนึ่งวันหนึ่งคืนจนเช้าวันใหม่ขบวนทหารกาสิกและกระวานจึงตามมาสมทบเจ้าหญิงทรรศิกาได้ทรงน้ำและเสวยอาหารในกระโจมได้ทรงรู้จักกับราชองครักษ์คู่ใจของเจ้าหลวงที่ชื่อเบนลีเบนลีมีนิสัยช่างพูดช่างคุยและบุคลิกนุ่มนวลเกินกว่าจะเป็นทหารแม้ว่ารูปร่างหน้าตาจะดูดุร้ายเหมือนคนกาสิก

ยิ่งขบวนของเจ้าหญิงทรรศิกาเสด็จลึกเข้าไปในกาสิกเท่าไหร่เจ้าหญิงยิ่งทรงรู้จักเจ้าหลวงรังสิมันต์มากขึ้นจากปากคำของเบนลีและทั้งจากสายพระเนตรของพระองค์เองเช่นอ่างเก็บน้ำที่สร้างขึ้นจากพระปัญญาของเจ้าหลวงการเป็นที่รักและยำเกรงของประชาชนและข้าราชบริพารการวางพระองค์ที่ทรงธรรมแม้ทรงแข่งพายเรือแพ้ราชิดราชองรักษ์อีกคนที่มีนิสัยเงียบขรึมจริงจังเจ้าหลวงก็ยอมรับความพ่ายแพ้อย่างยินดี

 

ระหว่างการเดินทางไปเหมันตาลัยราชนิเวศน์ (พระราชวังฤดูหนาว)ของกาสิกเจ้าหลวงรังสิมันต์พาเจ้าหญิงทรรศิกาไปทอดพระเนตรสถานที่สวยงามหลายแห่งชมวิวที่หน้าผาสูงพร้อมกับแนะนำให้รู้จักกับฮอว์คเหยี่ยวทรงฝึกพาทรรศิกาเสด็จอุโมงค์น้ำแข็งที่อยู่ลึกเข้าไปเกือบถึงใจกลางภูเขาซึ่งสวยงามดุจสวรรค์ทรงขับร้องบทเพลงหวานแห่งกาสิกให้เจ้าหญิงฟังเป็นเพลงบรรยายความรักที่ยาวนานกว่านิรันดร์เจ้าหญิงทรรศิกาทรงสงสารเจ้าหลวงเข้าใจผิดว่าเจ้าหลวงทรงอกหักปวดร้าวพระทัยที่พระคู่หมั้นหนีการอภิเษกไป

ก่อนจะถึงเหมันตาลัยกระวานเล่นเลื่อนน้ำแข็งอย่างประมาทจนไปติดชะง่อนผาจวนระร่วงเจ้าหลวงรังสิมันต์เสี่ยงชีวิตไปช่วยเจ้าหญิงทรรศิกาได้เรียนรู้ว่าเจ้าหลวงผู้เอาแต่ใจและหุนหันพลันแล่นมีความอ่อนโยนซุกซ่อนอยู่และทรงรู้จากเบนลีว่าเจ้าหลวงรังสิมันต์เสด็จปลอมองค์เข้ามาในพันธุรัฐบ่อยครั้ง

เจ้าชายทยุติธรและเจ้าหญิงมณิสราทรงดูราวกับสหายสนิทที่พลัดพรากต่างสนพระทัยในเรื่องงานศิลปะเหมือนๆกัน ทรงสนุกเหมือนเด็กที่เล่นกันอยู่ในธรรมชาติอย่างเป็นอิสระไม่โปรดรับรู้ภารกิจหนักหนาสาหัสที่ถูกวางลงบนปฤษฎางค์มาแต่เยาว์วัยทั้งคู่ได้ช่วยกันคิดค้นงานปั้นเซรามิกและลงสีแบบต่างๆแม้ว่าธารเทพจะคอยเตือนให้รีบส่งตัวเจ้าหญิงมณิสรากลับคืนไปโดยเร็วยิ่งไปกว่านั้นทางหน่วยข่าวกรองรายงานว่าทรรศิกาถูกกาสิกจับตัวไปเป็นตัวประกันไม่รู้ว่าจะเป็นตายร้ายดีประการใดเจ้าชายทยุติธรกลุ้มพระทัยมากแต่ไม่รู้จะเลือกอย่างไรดี

ที่เหมันตาลัยราชนิเวศน์เจ้าหลวงแนะนำให้ทรรศิการู้จักกับมาลัยพระพี่เลี้ยงอาวุโสหัวหน้านางกำนัลทั้งหมดเจ้าหญิงทรรศิกาได้รับการดูแลที่ดีเยี่ยงเจ้าฟ้าหญิงกาสิกทั้งห้องพักที่เป็นห้องเดิมของพระราชชนนีเครื่องแต่งกายที่สั่งตัดไว้ล่วงหน้าขนาดพอดีพระองค์พระกระยาหารที่โปรดปรานกิจกรรมต่างๆที่เจ้าหลวงมักจะเอ่ยปากชวนให้ทำเสมอๆเช่นเกมหมากรุกเปียโนร้องเพลง ด้วยความกังวลว่าเจ้าหญิงจะเบื่อหน่ายเจ้าหลวงพาเจ้าหญิงเสด็จที่ต่างๆไปเยี่ยมเยียนราษฎรทอดพระเนตรเหมืองเพชรและเกิดเรื่องขึ้นเมื่ออุโมงค์เหมืองถล่มลงมาเจ้าหลวงทรงเข้าไปช่วยคนที่ติดอยู่โดยไม่ห่วงพระวรกายพร้อมด้วยเบนลีและราชิดจนเมื่อเหตุการณ์คลี่คลายทั้งหมดตัดสินใจพักบ้านของชาวเหมืองในคืนนั้นเจ้าหลวงขับร้องเพลงลำนำแห่งขุนเขาให้เจ้าหญิงฟังเนื้อหาเหงาเศร้าความพลัดพรากของดวงจันทร์กับดวงอาทิตย์

เมื่อเจ้าหญิงทรรศิกาทราบว่าต้องย้ายไปประทับที่อิสินธรราชนิเวศน์ (พระราชวังฤดูร้อน) ที่เจ้าหลวงรับสั่งให้ปรับปรุงอย่างเร่งด่วนให้มีสภาพใกล้เคียงกับวังของพันธุรัฐเพื่อเจ้าหญิงโดยเฉพาะเจ้าหญิงคิดว่ามันหมายถึงการจองจำในระยะยาว ก็ทรงกริ้วพาลต่อว่าเจ้าหลวงและชาวกาสิกทรงขอโอกาสติดต่อกับพระเชษฐาเจ้าหลวงรังสิมันต์น้อยพระทัยมากไม่ทรงมาให้เจ้าหญิงเห็นพระพักตร์อีกนานจนเจ้าหญิงทรรศิกาได้พบชานเด็กชายชาวบ้านวัย 6-7 ขวบลูกคนงานเหมืองเพชรที่พ่อถูกเหมืองถล่มทับตายชานมีสุขภาพอ่อนแอแต่เป็นเด็กอัจฉริยะเจ้าหลวงนำมารักษาเป็นเด็กในพระราชูปถัมภ์ให้เรียนหนังสือในวังเยี่ยงพระสหายตัวน้อยที่สนทนากับพระองค์ได้เหมือนผู้ใหญ่เจ้าหญิงทรรศิกาพบชานในสวนเกิดต้องชะตากันซึ่งที่จริงเจ้าหลวงทรงวางแผนให้เจ้าหญิงได้พบกับชานอยู่แล้วเพื่อให้ชานเป็นเพื่อนแก้เหงาของเจ้าหญิง

ที่ตำหนักอิสินธรเจ้านางพัชรธารสตรีสูงศักดิ์ผู้เคยเป็นคู่หมายวัยเยาว์ของเจ้าหลวงเป็นพระญาติสายใกล้ชิดเป็นพระสหายสมัยเรียนเมื่อทราบว่ามีการปรับปรุงตำหนักต้อนรับทรรศิกาก็ทรงไม่พอพระทัยเจ้านางหลงรักเจ้าหลวงข้างเดียวเมื่อทราบว่าเจ้าหญิงแห่งทานตะหายตัวไปก็หลงดีใจคิดว่าทุกอย่างจบลงด้วยดีแล้วเพราะอย่างน้อยก็มีความหวังที่เจ้าหลวงจะหันมามองบ้างแต่เจ้าหลวงกลับพาเจ้าหญิงแห่งพันธุรัฐมาแทนเธอจึงทำทุกอย่างเพื่อกำจัดทรรศิกามารหัวใจให้พ้นทาง

ในคืนเลี้ยงอำลาเหมันตาลัยลึกๆเจ้าหญิงทรรศิกาก็อาลัยไม่น้อยคืนนั้นเจ้าหลวงทรงดื่มหนัก ได้เล่านิทานเรื่องนางไคลตีและขับบทเพลงอันแสนเศร้าให้เจ้าหญิงฟังและเผยว่าได้แจ้งไปทางพันธุรัฐว่าเจ้าหญิงเสด็จเยือนกาสิกเหมือนทูตไม่ได้เป็นการลักพาตัวส่วนเรื่องเจ้าหญิงมณิสราให้ทางทานตะหาตัวให้พบแล้วค่อยหารือกันอีกที

ฝ่ายเจ้าหลวงแห่งทานตะร้อนพระทัยมากเมื่อถูกกาสิกโยนให้รับผิดชอบเรื่องนี้รีบส่งทูตไปพันธุรัฐเพื่อขอตัวเจ้าหญิงคืนและให้เจ้าหญิงมณิสราเสด็จไปกาสิกอภิเษกกับเจ้าหลวงรังสิมันต์ทันทีเจ้าหญิงมณิสราฝากจดหมายกลับว่าจะขออยู่ที่พันธุรัฐและจะไม่แต่งงานกับเจ้าหลวงรังสิมันต์เด็ดขาดขอให้เจ้าหลวงทานตะคิดเสียว่าไม่มีลูกคนนี้เจ้าหลวงทานตะถึงกับประชวรเมื่อได้รับจดหมาย

เจ้าหญิงชยาระพีพี่สาวต่างมารดากับเจ้าหญิงมณิสราผู้ปรารถนาจะได้ไปอภิเษกกับเจ้าหลวงรังสิมันต์เพราะกระหายในอำนาจและทรัพย์สินมหาศาลแต่ไม่มีสิทธิ์เพราะตามกฎต้องให้ธิดาในพระราชินีเท่านั้นที่จะได้ตำแหน่งมกุฏราชกุมารีและรับหน้าที่นี้เจ้าหญิงชยาระพีเห็นว่าโอกาสนี้เองที่ตนจะแย่งชิงทุกอย่างมาได้จึงหลอกให้วายุราชองครักษ์ผู้เป็นทาสรักของตนจัดขบวนราชบรรณาการไปกาสิกพร้อมด้วยตัวพระองค์เองเพื่อไปขออภัยโทษเจ้าหลวงและจะขอถวายตัว แทนน้องสาวผู้มีความประพฤติเลว โดยเจ้าหลวงแห่งทานตะไม่ทรงทราบ

พระราชเทวีแห่งพันธุรัฐเสด็จกลับจากรักษาอาการประชวรก่อนกำหนดเจ้าชายทยุติธรกับแม่นมพยายามช่วยกันปิดเรื่องเจ้าหญิงทรรศิกาหายตัวไปแต่ไม่สามารถปิดเรื่องเจ้าหญิงมณิสราได้พระราชเทวีให้เจ้าหญิงมณิสรามาประทับที่ตำหนักฝ่ายในทั้งมณิสราและทยุติธรต่างแสดงออกอย่างเปิดเผยว่ามีความสุขที่ใกล้ชิดกัน และสุดเศร้าเมื่อต้องห่างแม้แต่วันเดียวความสงสัยของข้าราชบริพารว่าเจ้าชายทยุติธรไม่สนใจผู้หญิงก็หมดไปแต่ความหนักพระทัยของพระราชเวทีกลับยิ่งเป็นทวีคูณ

 

ที่พระราชวังอิสินทรเจ้าหลวงรังสิมันต์ได้รับสารจากพันธุรัฐ ว่าต้องการจะแลกเปลี่ยนเชลยและไม่เกรงกลัวหากจะต้องทำสงครามกับกาสิก(จากผลของการประชุมคณะมนตรีของพันธุรัฐ ที่มีเจ้าคุณกลาโหมเป็นประธาน)

เจ้าหลวงกริ้วพาเจ้าหญิงทรรศิกาไปที่หอคอยเก่าเจ้าหญิงคิดว่าหอคอยคือคุกที่ใช้ขังและทรมารนักโทษตามที่เคยได้ยินมาซึ่งก็เป็นจริงตามนั้นแต่คุกที่เจ้าหญิงเห็นได้ถูกปิดตายและไม่ได้ใช้งานมานานมากแล้วส่วนหนึ่งของหอคอยกลับเป็นห้องทำงานส่วนตัวของเจ้าหลวงที่ทรงใช้มาตั้งแต่สมัยทรงพระเยาว์มีหนังสือการ์ตูนและของเล่นต่างๆที่เก็บไว้อย่างดี

ขากลับราชิดนำรถม้ามารับทั้งสองพระองค์เจ้าหลวงทรงเสนอจะขอเจริญสัมพันธไมตรีกับพันธุรัฐโดยจะขออภิเษกกับเจ้าหญิงแห่งพันธุรัฐแทนการแลกตัวเจ้าหญิงทรรศิกาโกรธมากเพราะนึกว่าไม่ใช่ความรักแต่เป็นเรื่องการเมือง  ตัดสินพระทัยกระโดดลงจากรถม้าทันทีเพราะคิดว่าหากเสียศักดิ์ศรีแล้วสู้เสียชีวิตจะดีกว่าโชคดีที่ไม่เป็นอะไรมากแต่ก็ทรงหมดสติไปสองวัน เจ้าหลวงรังสิมันต์ทรงมาดูแลด้วยพระองค์เองเมื่อหายดีแล้วเจ้าหญิงทรรศิกาก็เปลี่ยนไปไม่ร่าเริงพูดน้อยลงเสวยน้อยลงสร้างความเป็นห่วงให้กับคุณมาลัยและข้าราชบริพารเป็นอันมาก

เจ้าหลวงรังสิมันต์ทรงตั้งชื่อกล้วยไม้ให้ทรรศิกาทรงมอบหมายให้เจ้าหญิงปฏิบัติภารกิจพร้อมกับพระองค์แต่เจ้าหญิงทรรศิกาคิดไปเองว่าเพราะทรงให้เธอทำหน้าที่แทนพระคู่หมั้น

เจ้าหลวงให้เจ้าหญิงทรรศิกาเลือกมงกุฏที่ต้องสวมในงานวันเทพีแห่งขุนเขาเจ้าหญิงเลือกมงกุฏของพระนางเจ้าของรัชกาลที่แล้วมาโดยบังเอิญ

เจ้านางพัชรธารเป่าหูให้เจ้าหญิงทรรศิกาเชื่อว่าเจ้าหลวงจะแต่งงานกับเจ้าหญิงเพื่อรักษาเกียรติของตัวเองไม่ใช่เพราะความรัก ที่จริงเจ้าหลวงรัก และลอบมีสัมพันธ์ร้อนแรงกับนางตลอดเวลามา และยุให้เจ้าหญิงหนี

เจ้าหญิงทรรศิกาทรงเชื่อและวางแผนกับกระวานที่จะหลบหนีโดยใช้เลื่อนน้ำแข็งเจ้าหญิงให้กระวานขอความช่วยเหลือราชิดเนื่องจากราชิดมีเลือดชาวพันธุรัฐครึ่งหนึ่ง

 

วันเทพีแห่งขุนเขามาถึงเจ้าหญิงกับกระวานแกล้งออกไปเล่นเลื่อนน้ำแข็งตามปกติวันนี้คุณมาลัยมาช่วยแต่งองค์ให้อย่างสวยงามผิดจากที่เคยพร้อมติดกิ่งไม้หอมของกาสิกไว้ที่เสื้อคลุมเจ้าหญิงทรงกล่าวขอบคุณและล่ำลาทุกคนอย่างเป็นนัยๆราชิดรออยู่ที่ด้านล่างของหุบเขาเตรียมรถเลื่อนเพื่อพาเจ้าหญิงและกระวานกลับพันธุรัฐแต่ขณะที่ลงมาจากเขานั้นเกิดอุบัติเหตุ กระวานขาหักราชิดรีบพาทั้งสองไปที่หมู่บ้านตุ๊กตาตรงเชิงเขาเพื่อเข้าเผือกชาวบ้านออกมาช่วยให้การต้อนรับเป็นอย่างดีแต่งตัวสวยงามเล่นดนตรีบรรเลงตลอดทางเหมือนงานพิธีเจ้าหญิงทรรศิกาทรงถูกให้เปลี่ยนฉลองพระองค์ และถูกนำเข้าสู่พิธีพระราชทานมงกุฏราชินีแห่งกาสิกโดยไม่ทันตั้งตัว ทั้งหมดนี้เป็นแผนของเจ้าหลวงกับราชิดที่วางไว้ตั้งแต่แรกกระวานไม่ได้ขาหักจริง เจ้าหญิงจำต้องยอมรับด้วยเป็นพระบรมราชโองการและด้วยความเต็มใจส่วนหนึ่ง

แต่แล้ว  เด็กน้อยชาน  เกิดอุบัติเหตุเพราะไปเล่นกับเหยี่ยวฮอว์ค จนพลาดตกเหวลึก  เจ้าหลวงกริ้วจะฆ่าฮอว์ค  ทรรศิกาต้องไปห้าม  เพราะสัตว์ไม่มีความผิด ทั้งสองช่วยกันพยาบาลเด็กน้อยชานร่วมกัน จนชานตายในเวลารุ่งสาง ทั้งสองช่วยกันจัดพิธีฝังศพเล็กๆให้ชานกลางหุบเขา  คืนนั้นเจ้าหลวงสารภาพรักต่อเจ้าหญิงทั้งสองคนเข้าพระทัยกัน

ขบวนราชบรรณการของทานตะเดินทางมาถึงกาสิก เจ้าหญิงชยาระพีพบว่านางมาถึงสายไปเสียแล้วทรงรับสั่งให้วายุไปลอบปลงพระชนม์ทรรศิกา  แต่วายุเข้าผิดห้อง ไปพบเจ้านางพัชรธารขณะที่กำลังสรงน้ำ เจ้านางใช้เสน่ห์ของตนหลอกล่อวายุพร้อมกับเอาตำแหน่งเจ้าหลวงแห่งกาสิกเป็นเดิมพัน วายุตกหลุมรักและหลงเชื่อเจ้านางเจ้านางวางแผนให้วายุไปทำเจ้าหญิงทรรศิกาให้เสื่อมเสีย แต่วายุพลาด คนที่เขาฉุดไปกลับเป็นกระวาน

วรินทราจับได้ที่วายุมามีสัมพันธ์กับพัชรธาร  จึงเกิดการทะเลาะตบตีกัน แต่สุดท้ายทั้งสามตกลงกันได้ ว่าจะร่วมมือกันกำจัดทั้งรังสิมันต์และทรรศิกา จะได้เกิดสงครามใหญ่ระหว่างสองประเทศ  แล้วพวกตนจะขึ้นครองทั้งหมดให้ได้ในภายหลัง ดังนั้น  จึงเสแสร้งทำเป็นยินดีกับเจ้าหลวงและทรรศิกาไปก่อน   ทรรศิกามอบหมายให้กระวานและราชิดไปส่งจดหมายถึงพระเชษฐาเพื่อแจ้งถึงความเป็นไปของพระองค์ขณะอยู่ที่กาสิก ระหว่างทาง  กระวานกับราชิดได้ตกลงเป็นคู่รักกัน  และได้มอบจดหมายให้คณะทูตของพันธุรัฐ  แต่หารู้ไม่ว่านั่นคือคณะทูตปลอม ที่ปลอมมาโดยวายุแห่งทานตะนั่นเอง

ที่พันธุรัฐ  เจ้าชายทยุติธรทรงเรียกประชุมเสนาบดีว่าจะไม่ต้องส่งเจ้าหญิงมณิสราคืนเด็ดขาดเจ้าคุณกลาโหมมีมติให้ไปชิงตัวเจ้าหญิงทรรศิกามาและไม่จำเป็นต้องเกรงกลัวกาสิกอีกต่อไปเพราะพันธุรัฐก็มีโควินทร์หน่วยสังหารลับของพันธุรัฐที่อาจสู้กับเหยี่ยวหิมะได้

เจ้าหญิงทรรศิการออยู่นาน เห็นว่าเรื่องไม่คืบหน้าจึงหารือเจ้าหลวงทั้งสองพระองค์ไม่ต้องการให้เกิดสงครามขึ้น เจ้าหลวงให้เจ้าหญิงทรรศิกากลับไปก่อนเพื่อไขปัญหาทุกอย่างที่เกิดขึ้นโดยพระองค์เสด็จไปส่งที่ชายแดน ส่วนเจ้าหญิงก็สัญญาว่าจะรีบกลับมาเพราะหัวใจของพระองค์อยู่ที่นี่แล้วเจ้าหลวงทรงดึงพิณสายหนึ่งให้ขาดออก พร้อมกับทรงบอกว่าจะรอจนกว่าจะกลับมาขับร้องเพลงด้วยกันอีกครั้งคืนสุดท้ายที่ทรงอยู่ด้วยกันไม่มีการเลี้ยงส่งทั้งสองพระองค์ไม่บรรทมต่างใช้เวลาอยู่ด้วยกันให้ยาวนานที่สุด

 

ที่บริเวณรอยต่อชายแดนของกาสิกระหว่างเจ้าหลวงประทับอยู่ที่เผ่าชาวเขาเผ่าหนึ่งเพื่อส่งเจ้าหญิงทรรศิกาข้ามแดนในวันรุ่งขึ้น หัวหน้าชาวเขากับเจ้าหลวงเป็นสหายกันแสดงศิลปะการต่อสู้ด้วยดาบวงพระจันทร์เพื่อกระชับสัมพันธไมตรี แต่หัวหน้าชาวเขาถูกธนูยิงขณะที่กำลังต่อสู้จากการลอบสังหารที่ผิดพลาดของหน่วยสังหารโควินทร์จากพันธุรัฐ

เจ้าหญิงร้อนใจ รีบเดินทางกลับ  เจ้าหลวงรังสิมันต์ปลอมตัวตามไปด้วย  ขณะเดินทางวายุแห่งทานตะปลอมเป็นพันธุรัฐเข้ามาลอบปลงพระชนม์เจ้าหญิงทรรศิกาเจ้าหลวงรังสิมันต์เข้ามาช่วยแต่พลาดพลั้งเพราะราชิดถูกวายุยิงเจ้าหลวงเอาตัวเข้าขวาง และถูกยิงได้รับบาดเจ็บแทนสุดท้าย เบนลีแทงวายุตาย  ทุกคนสงสัยว่าทานตะมาเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ได้อย่างไร

เจ้าหญิงทรรศิกาทรงตัดสินพระทัยพาเจ้าหลวงไปผ่าตัดที่แคว้นพันธุรัฐเพื่อความปลอดภัยแต่กลับพบกับกองทหารโควินทร์ทั้งหมดต่อสู้กันอีกครั้งด้วยความเข้าใจผิดเจ้าหลวงรังสิมันต์กับเจ้าชายทยุติธรทรงประดาบกันเจ้าหลวงทรงเจ็บอยู่ไม่สามารถต่อสู้ได้ถนัดจนเจ้าหญิงทรรศิกาเสด็จออกมาปกป้องเจ้าหลวงด้วยพระองค์เองเจ้าชายทยุติธรรีบสั่งให้หน่วยสังหารโควินทร์หยุดทั้งหมดปรับความเข้าใจกัน

เจ้าหลวงรังสิมันตร์มาพักรักษาตัวอยู่ที่พันธุรัฐพระราชเทวีรับสั่งให้เจ้าหญิงมณิสราไปคอยดูแลในฐานะที่เป็นพระคู่หมั้นเพื่อเป็นการตัดไฟแต่ต้นลมเจ้าหญิงทรรศิกาทราบจึงหลบหน้าไม่ยอมไปพบเจ้าหลวงยิ่งทำให้เจ้าหลวงรังสิมันต์ทรงหงุดหงิดในขณะที่เจ้าชายทยุติธรก็ทรงอารมณ์เสียที่เห็นเจ้าหญิงมณิสราคอยดูแลเจ้าหลวงรังสิมันต์

เจ้านางพัชรธารและเจ้าหญิงชยาระพีได้รับรายงานเรื่องเจ้าหลวงพักรักษาตัวอยู่ที่พันธุรัฐโดยมีเจ้าหญิงมณิสราเป็นผู้ดูแลก็พิโรธหนักเรียกเหล่าเสนาบดีมาเพื่อประกาศทำสงครามกับทั้งสองรัฐโดยยกกฏหมายเรื่องการถูกลบหลู่เกียรติของเจ้าหลวงกาสิกเป็นข้ออ้าง และร่วมกันสร้างสถานการณ์ให้มีการกระทบกระทั่งของราษฎรที่ชายแดนทั้งสามประเทศจนวุ่นวายไปหมด

เจ้าหลวงรังสิมันต์และเจ้าชายทยุติธรทรงมีดำริตรงกันที่จะยับยั้งความขัดแย้งนี้เจ้าหลวงตัดสินพระทัยทูลพระราชเทวีถึงความรู้สึกที่มีต่อเจ้าหญิงทรรศิกาและขออภิเษกสมรสกับเจ้าหญิงเจ้าชายทยุติธรก็ทูลขอสมรสกับเจ้าหญิงมณิสราเช่นกัน

เจ้านางพัชรธารแห่งกาสิกตกเป็นจำเลยข้อหากบฏและยุแยงให้ประชาชนแตกสามัคคี และเมื่อทราบถึงพระประสงค์ของเจ้าหลวงก็อับอายและหนีออกไปจากวังแต่สุดท้าย  ทั้งพัชรธารและชยาระพีก็ถูกจับและได้รับการลงโทษขณะที่เจ้าหญิงมณิสรา ได้รับการอภิเษกเป็นราชินีคู่กับราชาองค์ใหม่แห่งพันธุรัฐ และทรรศิกาก็ได้เป็นราชีนีแห่งกาสิก

บริเวณรอยต่อพรมแดนของทั้งสามประเทศกลับมาคึกคักประชาชนรักสามัคคีอีกครั้งสุดท้ายความระแวงคลางแคลงใจของผู้คนทั้งสามเชื้อชาติก็แปรเปลี่ยนเป็นความรักในที่สุด..