ปลีกตัวแช่ออนเซนให้ผิวเนียนนุ่มที่ Ryujin Onsen แหล่งน้ำแร่จังหวัดวากะยามะ

Special trip: การเดินทางไม่สิ้นสุด

EP 01

EP 02-Part1

 

วันนี้ตื่นเช้ามาพร้อมกับอากาศค่อนข้างหนาวเย็น ผมกำลังจะเดินทางไปยัง Ryujin Onsen ที่อยู่ท่ามกลางหุบเขา

ก่อนจะไปขอพูดถึงเมือง Wakayama เพิ่มอีกหน่อย เมืองนี้จริงๆแล้วขึ้นชื่อมากในด้านแหล่งท่องเที่ยวธรรมชาติ

เช่น เส้นทางแสวงบุญที่มีวัฒนธรรมมายาวนานกว่า 1,200 ปี ในโซนเทือกเขา Kumano

ซึ่งได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกจากยูเนสโกในปี 2004

เป็นเส้นทางที่นักเดินป่าเดินเขาชอบที่สุด แถวนั้นยังมีวัดโครงสร้างเก่าแก่ที่สุด!!

อย่างวัด Kumano Nachi Taisha วัดสีแดงๆ สูงๆ มีฉากหลังเป็นน้ำตก Nachi ที่สูงถึง 133 เมตร!  วัดเปิด 8:00-16:00 น.

เราจะเห็นกันบ่อยตามโฆษณาทัวร์ญี่ปุ่น ซึ่งจริงๆ แล้วเราสามารถนั่ง JR หรือรถบัสและยังสามารถขับรถยนต์ไปได้เลย

ใกล้บริเวณนั้นยังมีแหล่งน้ำแร่ขนาดใหญ่อยู่คือ Yunomine Onsen และ Kawayu Onsen

บริเวณตรงนี้คนไปกันเยอะมากเพราะเป็นชุมชนที่สวยจริงๆ

ทั้งหมดที่เล่าไปน่าสนใจใช่มั้ยครับ แต่ผมไม่พาไปหรอก ฮ่าๆ เพราะทั้งหมดมันอยู่ทางตอนล่างน่ะสิ

การลงไปแล้วกลับขึ้นมามันเปลืองค่าเดินทางครับ ฮ่าๆ (งกนี่หว่า) เราจะไปแหล่งน้ำแร่ที่พิเศษกว่านั้น!!

ผมเลือกไปอีกเส้นทางซึ่งอยู่ตอนบนของเมือง Tanabe ถ้าดูจากแผนที่เส้นสีแดงเราจะออกทางด้านซ้ายไปที่เทือกเขา Koyasan

จากตารางเดินรถจะเห็นว่ามีรอบรถน้อยมาก!! แถมยังวิ่งแค่เดือน เม.ย.-พ.ย. เท่านั้น!!

เห็นความพิเศษแรกหรือยังครับ (พิเศษหรือลำบากวะ) แหล่งที่เราจะไปคนไม่ค่อยรู้จัก หลีกเลี่ยงความวุ่นวายได้ดี

Ryujin Onsen เมื่อก่อนเป็นแหล่งพำนักของเชื้อพระวงศ์เท่านั้น คนนอกเข้าไม่ได้นาจา

แต่ปัจจุบันเปิดให้เข้าได้เพราะเป็นเส้นทางผ่านไปยังเขาโคยะซังนั่นเอง ความพิเศษยังไม่หมด อันนี้สำหรับสาวๆโดยเฉพาะ

แหล่งน้ำแร่ธรรมชาติจากภูเขาแห่งนี้จัดเป็นน้ำแร่ที่บริสุทธิ์ที่สุด 1ใน 3 ของเมือง Wakayama เลยครับ

ว้ายยยยย อยากลงแช่แล้วสิ ผิวจะได้เปล่งปลั่ง เนียนนุ่มกะเขาบ้าง อย่าช้าครับแบกกระเป๋าแล้วออกเดินทางไปพร้อมกันเลย

ก่อนหน้านี้ผมไปถามการจองตั๋วรถบัสล่วงหน้าที่ศูนย์ข้อมูลคุมาโนะ สำนักงานอยู่ข้างๆสถานี Kiitanabe

เดินออกมาเลี้ยวซ้ายแต่พนักงานบอกว่าไม่มีตั๋วล่วงหน้า ต้องนั่ง Local Bus ไปเท่านั้น เพราะวันนี้เป็นวันอาทิตย์

เอ่อ..ไม่เป็นไรวะ ออกมาตั้งแต่ 7 โมงเช้านั่งรอก็ได้ ใครจะไปที่ไหนก็ดูหมายเลขตรงป้ายได้เลยนะ ของเรา Ryujin เบอร์ 1 จ้า

ผ่านไป 1 ชม. ทำไมไม่มีรถมาเลยว่ะ อ๊ะ!! มาแล้วๆๆ

“คันนี้ไปริวจินออนเซ็นมั้ยครับ”

“ไม่ได้ไปหรอกไอ้หนู” พนักงานขับรถตอบอย่างสุภาพแล้วขับออกไป

เป็นแบบนี้มาสามสี่คันแล้วครับ ตอนนี้มีผมกับฝรั่งสองสามคนและคนญี่ปุ่นอีกคน

สภาพเหมือนลูกหมาที่รอเจ้าของอ่ะ พอรถจะเทียบท่าทุกคนลุกอย่างดีใจ แต่ก็ต้องถอยกลับมานั่งด้วยความแซด

เพราะคันที่มาไม่ใช่เจ้าของเรา งืออออออ จากหนาวๆ ตอนนี้กูเริ่มร้อนรนละ สรุปจะได้ไปมั้ยเนี่ย

“ไอ้หนู ริวจินออนเซ็นใช่มั้ย วันนี้วันหยุดนะรถไม่วิ่ง” ลุงพนักงานขับรถบอก

“เชี่ย!!!!!!!” ผมสบถออกมาเป็นภาษาจีนว่า ขอบคุณครับ เชี่ยๆๆๆๆ เชี่ยแล้วๆๆ

คือโรงแรมก็จองไว้หมดแล้ว แพงด้วยไง ถ้าวันนี้พลาดคือไม่ได้ไปแล้วออนเซ็น ต้องยิงยาวไปโคยะซังเลย ทำไงดีวะ

“รอแปปนึงนะไอ้หนู” ลุงคนขับลงจากรถถือตารางเดินรถแล้ววิ่งไปหานายท่าขอยืมโทรศัพท์ คุยกับใครสักคน

“ไอ้หนู ดีใจด้วยนะ วันนี้มีรถรอบเดียวจะมาตอน 11 โมง” คุณลุงวิ่งมาบอกหน้าตาตื่นเต้นเสมือนลูกชายสอบติดม.โตเกียว

“พระเจ้า! ขอบคุณครับคุณลุงขอบคุณจริงๆ” ตอนนั้นผมโคตรโล่งใจอยากเข้าไปกอดลุงมาก

นับถือใน Service mind ของลุงสุดๆ ถ้ามีปุ่มโหวตจะให้ลุงได้ตำแหน่งพนักงานยอดเยี่ยมไปเลย งืออออออ ดีใจ

ผมนั่งรอรถไปจนเกือบจะถึงเวลา ลุงคนเดิมขับรถวนกลับมาอีกครั้ง แกตะโกนมาบอกว่า

“มิโดริ นะ มิโดริเท่านั้น” มิโดริก็คือสีเขียว ลุงแกบอกว่าต้องเป็นรถคันสีเขียวเท่านั้น

โอ้ยยย ลุงยังอุตส่าห์เป็นห่วงเรา น่ารักจริงๆ คนเมืองนี้ นี่เป็นความประทับใจที่เกิดขึ้นจนรู้สึกดีต่อเมืองนี้อย่างบอกไม่ถูก

และในที่สุด มิโดริบัส ก็มาถึงจนได้ ผมหอบกระเป๋าขึ้นไปอย่างทุลักทุเล ควักหาตังก์จะจ่าย

คนขับบอกว่าไว้ตอนลงค่อยเอามาหย่อนในช่อง ถ้าไปจอดที่หน้าโรงแรมราคาอยู่ที่ 1,700 เยนพอดี

เหมือนจะแพง แต่ด้วยระทางที่ไกล แถมขึ้นลงเขา อารมณ์เหมือนทางคดโค้งที่ภาคเหนือบ้านเรา คิดว่าราคาเหมาะสมแล้ว

นั่งไปชมวิวข้างทางไปด้วย รู้สึกว่าเส้นทางจะลัดเลาะไปตามหุบเขาริมแม่น้ำ เป็นวิวที่สวยงามมากๆ

นอนหลับไปงีบหนึ่งเราก็มาถึงแล้วครับ โรงแรมที่แพงที่สุด หมายถึงแพงที่สุดในทริปที่จองแล้ว ฮ่าๆ

ที่นี่คือ Kirari Ryujin Onsen เป็นโรงแรมแบบเรียวกังอยู่ท่ามกลางหุบเขา เหตุผลข้อแรกที่ผมเลือกที่นี่ คือที่อื่นแพงกว่าฮ่าๆๆ

ล้อเล่น! พอดีว่าด้านหน้าโรงแรมเป็น Bus stop มันง่ายต่อการขึ้นรถ เพราะแต่ละวันรอบรถน้อยมากจะพลาดไม่ได้

ด้านในของโรงแรมตกแต่งอย่างธรรมชาติ เปิดโล่งและดูเป็นกันเอง พนักงานก็ใจดีออกมาต้อนรับพูดคุยถือกระเป๋าให้

ผมมาก่อนเวลาเช็คอิน ทางโรงแรมจึงให้ยืนยันเอกสารพวก Passport และฝากกระเป๋าไว้ก่อน

ถ้าใครอยากจองให้เข้าไปที่เว็บหลักของเมืองคือ www.Kumano-travel.com เราจะได้ราคาที่ถูกกว่าข้างนอก

พิกัด : https://goo.gl/maps/tM2Vb9HghPN2

ผมจะอยู่ที่นี่แค่คืนเดียวจึงเลือกจองแบบห้องเดี่ยวนอนได้ 2 คนในราคารวม Vat ที่ 28,500 เยน (กระเป๋าแฟ่บเลยจ้า)

ใครมากับเพื่อนก็หารกันได้ สามารถจุคนได้ถึง 3 คน แต่ต้องแจ้งทางโรงแรมก่อน เขาอาจจะบวกค่าสิ่งอำนวยความสะดวกเพิ่ม

แต่ในราคานี้รวมอะไรบ้าง? เป็นห้องสไตล์ญี่ปุ่น มีห้องน้ำในตัวแต่ไม่มีอ่างนะ ยังมีฮีตเตอร์ ทีวี กาน้ำ พวกเสื้อผ้ายูกาตะ

มีระเบียงนั่งชมธรรมชาติ และก็สิ่งอำนวยความสะดวกทั่วไป พิเศษคือแช่น้ำแร่ออนเซ็นฟรี (ปกติราคาครั้งละ 500-1,000 เยน)

และสิ่งสำคัญที่สุดคือ Buffet Supper & Breakfast !!!!! ตอนเย็นมาดูกันว่าอาหารจะอร่อยและหลากหลายสมราคามั้ย

แต่ตอนนี้ได้เวลาออกไปสำรวจโลกแล้วจ้า

โอ้โหววววววว วิวสวยจริงๆ ลองจินตนาการว่าถ้ามาช่วงกลางเดือน พ.ย. ตรงนี้ใบไม้จะเปลี่ยนสีทั้งหมด ตัดกับน้ำสีฟ้าของน้ำแร่คงเป็นอะไรที่วิเศษมากๆ

อย่างแรกที่ต้องไปสำรวจคือวัด ไม่รู้ทำไมเหมือนไปไทย ต้องมีวัดทุกที่จริงๆ

ผมเดินเลาะริมถนนมาเรื่อยๆก็เจอกับใบเมเปิ้ลสีแดงครั้งแรกของทริป เป็นนิมิตหมายที่ดีว่าหลังจากนี้ฤดูใบไม้ร่วงกำลังมาเยือน

มองไปไกลๆจะเห็นสะพานแขวนไม้เก่าแก่ ตรงนี้ไม่ได้หาข้อมูลอะไรมา เอาเป็นว่ามันสวยมาก ฮ่าๆ

สังเกตได้ว่าสะพานไม้แห่งนี้ใช้ไม้สนทั้งท่อนในการทำ มันดูแข็งแรงมาก พอมองดูรอบๆก็เห็นว่าทั้งป่าเป็นต้นสนขนาดใหญ่

คาดว่าอายุแต่ละต้นก็หลายสิบปี สะพานแห่งนี้จึงมีอายุไม่ต่ำกว่า 100 ปี ลองเทียบขนาดคนกับเสาสะพานแล้ว

แม่เจ้า!! ต้นไม้ขนาดสองคนโอบเลยทีเดียว พอเดินข้ามสะพานมาเราจะเจอกับศาลเจ้าขนาดใหญ่ Kaize Shrine ขอพรสักหน่อยละกัน

พิกัด : https://goo.gl/maps/ffbu5iDqAzE2

เต็มอิ่มกับสิริมงคลกันแล้ว ไปหาไรกินกันดีกว่า ตอนหน้าผมจะพาไปดูร้านค้าของที่นี่ว่ามีอะไรน่ากิน มีของอะไรขายบ้าง

และจะพาไปเดินเล่น เอาเท้าแช่น้ำแร่ จะเย็นสดชื่นขนาดไหนไว้ติดตามตอนต่อไปครับ....

FOLLOW US ON
FACEBOOK