When I was in Tokyo #13 : เรื่องที่รู้สึกขัดใจในญี่ปุ่น

บทนำ

เพื่อนๆของเราในเอกญี่ปุ่นเกือบ 30 คนพร้อมใจกันเลือกมหาวิทยาลัยที่จะไปแลกเปลี่ยนในจังหวัดต่างๆ ที่ไม่ใช่ ‘โตเกียว’ แต่เรากลับต่างกว่าคนอื่นเพราะเราตัดสินใจเลือกไปเรียนในเมืองหลวงของญี่ปุ่นแห่งนี้ ตอนที่บอกเพื่อนๆ ว่าเราจะไปโตเกียว ทุกคนพากันพูดว่า ‘โห ! โตเกียวเลยเหรอ แพงนะ’ หรือไม่ก็ ‘ไปโตเกียว ไปทำอะไร?’ เราเริ่มหวั่นว่าสิ่งที่เราเลือกมันถูกต้องไหม เราจะอยู่ยังไง แถมนอกจากเงินค่าเทอมที่มหาวิทยาลัยออกให้เราก็ไม่ได้เงินสนับสนุนอะไรอีก เงินจะพอไหม เตรียมใจไว้เลยว่าต้องลำบากแน่ๆ แต่เชื่อไหม ว่าสิ่งที่เราได้เจอ ได้เรียนรู้มาจากโตเกียว ให้อะไรเรามากกว่า ‘ของแพง’ ให้อะไรเรามากกว่า ‘เมืองหลวงที่ไม่มีอะไร’ เสียอีก When I was in Tokyo จะเป็นเรื่องที่ให้ทุกคนได้เห็นภาพของโตเกียวมากขึ้น จะทำให้ได้รู้ว่าชีวิตในโตเกียวไม่ได้เลวร้ายอย่างที่คิด

Chapter 1

#1 : เปิดหอพักนักศึกษาราคา 17,000¥ ในเมืองที่ว่ากันว่าค่าครองชีพแพงที่สุดในโลก เปิดหอพักเด็กแลกเปลี่ยนในโตเกียวให้ดูกันทุกซอกทุกมุม นี่แหละที่ที่เราจะอยู่ตลอด 1 ปีนี้

#2 : เริ่มต้นอะไรใหม่ๆ ไม่ใช่เรื่องง่าย โตเกียวก็เช่นกัน จะมาอยู่ญี่ปุ่นต้องทำอะไรบ้าง มีการต้อนรับเด็กนักเรียนแลกเปลี่ยนยังไงบ้าง มาหาคำตอบพร้อมกันเลย

#3 : มหา’ลัยของเราน่าอยู่ อู้หูงานดีทุกคน พาไปรู้จักกับมหาวิทยาลัยโคะคุชิคัง ที่ๆ คอยดูแลเรามาตลอด 1 ปี รวมถึงพาไปดูชีวิตในมหาวิทยาลัยญี่ปุ่น สนุกขนาดไหนห้ามพลาด

#4 : ความสัมพันธ์อันแน่นแฟ้นเริ่มต้นจาก ฮานามิ ใครจะไปรู้ว่าแค่ไปดูดอกไม้จะทำให้ความสัมพันธ์ของพวกเรามันพัฒนาได้มากขนาดนี้

#5 : จนขนาดนี้ต้องไบโตะ(งานพิเศษ)แล้วล่ะ!? เล่าเรื่องการทำไบโตะ (งานพิเศษ) ครั้งแรกในชีวิตเพื่อแลกกับความอยู่รอดในเมืองใหญ่ที่ทำให้เราได้เห็นคนญี่ปุ่นในมุมมองของลูกค้า

#6 : งบน้อยอ่ะกินอะไรดี ? พาไปหาแหล่งอาหารถูก และอร่อยที่เราชอบแวะเวียนไปตลอด 1 ปี

#7 : ขึ้นชื่อว่าคนญี่ปุ่น... ความสัมพันธ์กับเพื่อน เจ้านาย คนญี่ปุ่นที่บางทีก็ไม่ได้เป็นอย่างที่เราคิด มีอะไรมากมายที่เรายังไม่เข้าใจพวกเขาหรืออาจจะเข้าไม่ถึงเลย

#8 : เมื่อต่างด้าวอยากคาวาอี้แบบสาวญี่ปุ่น รู้แหละว่าเงินมีจำกัด แต่อยากช็อปปิ้งอ่ะมันช่วยไม่ได้ เราจะพาทุกคนไปหาแหล่งช็อปปิ้งถูกๆ ในโตเกียวที่เราชอบไปเอง

#9 : ฉะโด พิธีชงชา กิโมโน พามาดูพิธีชงชาแบบเต็มรูปแบบ จัดเต็มในชุดกิโมโนครั้งแรกในชีวิต ดื่มจริง นั่งจริง เมื่อยจริง

#10 : ทัศนศึกษาฟูจิที่ไม่เห็นฟูจิ เล่าความเฟลแต่ประทับใจกับการไปตามหาฟูจิซังกับทริปครั้งสุดท้ายกับมหาวิทยาลัย

#11 : My routine in 1 day อยู่ๆ มาเกือบจะครบปี ชีวิตก็เริ่มวนลูปไปมา มาดูกันว่าเมื่อมาอยู่ญี่ปุ่นเราต้องทำอะไรบ้างใน 1 วัน

#12 : หิมะตกในเดือนพฤศจิกายน เล่าเรื่องความตื่นเต้นของสองเด็กไทยเมือครั้งมีหิมะหลงฤดูตกในรอบ 50 ปีของญี่ปุ่น

#13 : เรื่องที่รู้สึกขัดใจในญี่ปุ่น ตอนแรกๆ ก็ตื่นตาตื่นใจอยู่หรอก แต่พออยู่มานานๆ เข้าก็รู้สึกคิดถึงสิ่งที่คุ้นชินตอนอยู่ที่ไทยขึ้นมา ที่ไทยทำได้ แต่ที่ญี่ปุ่นทำไม่ได้

#14 : เม้ามอยเพื่อนรัก ความทรงจำสุดแสนประทับใจของเพื่อนๆที่คอยอยู่ข้างๆเราตลอด 1 ปีที่ญี่ปุ่น

#15 : ถึงเวลาอำลา ‘พิธีจบการศึกษา’ ข้อคิดต่างๆ ที่ได้ในวันพิธีจบการศึกษาของนักเรียนแลกเปลี่ยน ในที่สุดการจากลาก็มาถึงจนได้

อยู่ญี่ปุ่นมาร่วมเกือบปีแล้วนะ ถามว่าสนุกไหม ประทับใจไหม ? ประทับใจมาก สนุกมากกก ชนิดที่ว่าคงหาประสบการณ์ดีๆ แบบนี้ไม่ได้อีกแล้ว แต่! แน่นอนว่าญี่ปุ่นก็ไม่ใช่เมืองโลกสวยอะไรขนาดนั้น อยู่มาเป็นปีก็ต้องมีเรื่องที่รู้สึกไม่ถูกใจบ้างแหละ อย่างเรื่องเบสิกๆ ที่ทุกคนก็น่าจะรู้อยู่แล้วอย่างเรื่องของแพง อะไรแบบนี้ แต่เรื่องที่รู้สึกขัดใจที่อยากจะมาแชร์ให้เพื่อนๆ ในมุมมองของเรามันเป็นเรื่องจุกจิกนอกเหนือจากนั้นค่ะ (แต่ก็ไม่ถึงกับซีเรียสอะไรขนาดนั้นนะ)

 

ผลไม้แพงเวอร์

บอกเลยว่าตอนอยู่ไทย แม่จะชอบปอกผลไม้ให้เราทานทุกวัน จนชิน แต่พอมาถึงที่นี่กลับพบว่า ผลไม้อะไรมันจะแพงขนาดนี้คะคุณ ? คือราคาต่อลูกมันค่อนข้างแพงจนคนงกๆ อย่างเราซื้อไม่ลง ที่ถูกหน่อยก็เห็นจะเป็นกล้วยหอม ซูเปอร์แถวหอเราหวีนึงประมาณ 4 ใบขายไม่ถึง 200 เยน (60 บาท) หรือวันไหนลดราคาก็จะเหลือต่ำกว่า 100 เยน (30 บาท) ก็มี ส่วนผลไม้อื่นๆ ที่ซื้อได้ก็พวกผลไม้รวมที่เขาหั่นมาให้แล้วเป็นชิ้นๆ อยู่ในกล่อง ราคาประมาณ 500 เยน (148 บาท) ได้ ถ้ากล่องใหญ่ขึ้นมาหน่อยก็จะประมาณ 700 กว่าเยน (207 บาท) และไม่ว่าฤดูกาลที่นี่จะเปลี่ยนไปขนาดไหน ผลไม้ที่จะพบได้ตลอดเลยคือ ‘สับปะรด’ ค่ะ ส่วนถ้าอันไหนที่ชอบหรืออยากทานจริงๆ ก็จะซื้อนะ อย่างสตรอว์เบอร์รี่งี้ คือมาถึงนี่แล้วยังไงก็ต้องทานให้ได้

 

ที่นี่ไม่มีครีมผิวขาวเหรอ !?

คือผิวเราเป็นคนผิวสีน้ำผึ้งใช่มะ ก็เลยต้องแก้ด้วยการทาครีมที่ผสมไวท์เทนนิ่ง ช่วยผิวขาวอะไรแบบนี้ แต่ปรากฏว่ามีอยู่วันนึงครีมที่เอามาจากไทยหมด เราเลยลองไปหาซื้อดู แต่สูตรที่ต้องการคือสูตรไวท์เทนนิงเพื่อผิวขาวใสแบบที่ไทยมันไม่มีอ่ะทุกคน หาอยู่นานมากก็จะเจอแต่พวกสูตรให้ความชุ่มชื้น เนื้อครีมเข้มข้นทาแล้วเด้งดึ๋งดุจผิวเด็ก หรือเน้นไปพวกกลิ่นหอม ถ้ามีคือน้อยมากจนเราหาไม่เจอ หรือไม่ก็ราคาสูง และไม่ใช่แค่ครีมทาผิวด้วยนะ พวกโฟมล้างหน้า ครีมทาหน้าก็จะเป็นสูตรเดียวกันหมดเลย นี่แหละความทุกข์ของสาวผิวคล้ำ T^T

 

สีแป้งที่นี่เลือกยากมากก

ต่อจากหัวข้อที่แล้วก็มาถึงเรื่องแป้ง อีกปัญหาหนึ่งของสาวๆ ที่ต้องหาสีที่เข้ากับตัวเองให้ได้ ไม่งั้นหน้าจะลอยใช่ไหมล่ะ แต่มันเป็นเคราะห์ซ้ำกรรมซัดของเราอีกแล้ว นอกจากครีมไม่มีสูตรผิวขาว แป้งที่ญี่ปุ่นยังมีแต่สีขาวๆ ทั้งนั้นเลย รู้แล้วจ้าว่าแม่คุณชาวญี่ปุ่นเขาผิวขาวกัน แต่ไม่คิดจะทำสีที่เข้มกว่านี้ขึ้นมาอีกนิดบ้างเหรอคะ 555555 แต่สุดท้ายก็ได้รุ่นหนึ่งของ CANMAKE ที่สีพอไปวัดไปวาได้บ้าง คุณภาพดีเราก็โอเค (แต่ยังแอบเคืองอยู่นะ 55555)

และนี่ก็คือสิ่งที่เรารู้สึกทุกข์ใจมาตลอดตอนอยู่ที่ญี่ปุ่นค่ะ ในที่สุดเราก็ได้ปลดปล่อยและมาแชร์ให้ทุกคนได้อ่านกันสักที แล้วเพื่อนๆ ล่ะ เคยประสบปัญหาเดียวกันหรือเปล่า ถ้าใช่ จับมือค่ะ !

FOLLOW US ON
FACEBOOK