Day 5
และแล้วทริปญี่ปุ่นในครั้งนี้ก็เดินทางมาถึง 2 วันสุดท้าย สำหรับวันนี้เราต้องเช็คเอาท์จากโรงแรมในเกียวโตและเก็บกระเป๋ากลับไปพักในโอซาก้า แต่แน่นอนก่อนกลับเราต้องเที่ยวที่ที่อยากจะไปให้ครบ เพราะฉะนั้นวันนี้เราจะไปอาราชิยาม่า (Arashiyama) กัน กระเป๋ามีปริมาณเพิ่มขึ้นจากวันที่มาเยอะอยู่ดังนั้นเราเลยจะนำกระเป๋าไปใส่ตู้ล็อคเกอร์ที่สถานีเกียวโตกันก่อน ที่นี่มีตู้เยอะมาก ไม่ต้องกลัวว่าจะหาไม่เจอ
จากนั้นเราก็ใช้ JR Pass ไปลงที่สถานี ซากะอาราชิยาม่า (Saga-Arashiyama) ใช้เวลาประมาณ 30 นาที เป้าหมายของเราวันนี้คือ ป่าไผ่และสะพานโทเกทสึเคียว (Togetsu Bridge) จากสถานีซากะอาราชิยาม่า จะเดินไปก็ได้ แต่สำหรับใครที่เดินไม่ไหวแนะนำให้เสียเงินเพิ่มประมาณคนละ 200 เยน ไปขึ้นรถไฟเล็ก ไปตรงนั้นน่าจะประหยัดพลังงานและเวลามากกว่า โดยเดินจากสถานีซากะอาราชิยาม่าไปยังสถานีรันเด็นซากะ (Randensaga Station ) แล้วไปลงที่สถานี อาราชิยาม่า (Arashiyama Station) แค่นี้เราก็จะมาถึงถนนย่านการค้าที่เชื่อมไปสู่สะพานกันแล้ว
แถวนี้ของกิน ของฝากเยอะมาก ใครใจอ่อนแนะนำให้รีบเดินดุ่ม ๆ ไปสะพานเลยไม่งั้นมีเสียตังค์นะ เราเดินดูของและถ่ายรูปมาเรื่อย ๆ จนมาถึงสะพานโทเกทสึเคียว คนก็ยังเยอะเหมือนเดิม จากสะพานเราเดินแวบไปดูร้านกาแฟเจ้าดังอย่าง Arabica กันซะหน่อย แต่ก็ต้องผิดหวังที่ไม่ได้ชิมกาแฟของเขาเพราะคนเยอะมากสมคำร่ำลือ แง้ ไม่ซื้อแล้วก็ได้ ไปหาขนมหวานย้อมใจดีกว่า
และเราก็มาเจอนี่ แพนเค้กสอดไส้ไอศกรีม และสตรอว์เบอร์รี่ คุณลุงคนขายเขาน่ารักมาก ทักทายเป็นภาษาไทยด้วย บอกว่าเคยไปอยู่ไทยมา หลังจากนั้นเราก็เดินไปป่าไผ่กัน อย่างที่บอกคือคนญี่ปุ่นเขาก็เริ่มหยุดกันแล้ว แล้วยิ่งมีนักท่องเที่ยวต่างชาติอีก คนก็เลยเยอะมาก ป่าไผ่ก็ป่าไผ่เถอะ คนเยอะขนาดนี้พี่ก็ยอมแพ้เหมือนกัน
เราเดินทะลุป่าไผ่ไปถึงสถานีรถไฟโทรกโกะ ด้วยความที่จากนี่เดินกลับไปสถานีซากะ อาราชิยาม่าคือไกลมาก เพราะฉะนั้นเราจึงใช้เงินแก้ปัญหาโดยการซื้อตั๋วรถไฟนั่งกลับไปในราคาคนละ 600 เยน (ประมาณ 90 บาท) รถไฟคือสวยมาก เราชอบแสงที่ลอดเข้าเพดานกระจกข้างบนเข้ามาคือดีงามมาก
หลังจากนี้เราก็นั่งรถไฟกลับไปยังสถานีเกียวโตเพื่อนั่งรถไฟกลับไปยังที่พักในโอซาก้า วันนี้ตั้งใจจะให้เป็นทริปหลวม ๆ เพราะที่ผ่านมาก็เหนื่อยมาแทบทุกวัน เรากลับมาพักผ่อนที่ที่พักเล็กน้อย ก่อนจะออกไปหาร้านเนื้อย่างกินแถวโดทงโบริ ที่คนก็ยังเยอะเหมือนเดิม ท้องอิ่มเสร็จเรียบร้อยก็ไปช้อปปิ้งจนหนำใจและกลับเข้าที่พัก
Day 6
วันนี้เป็นวันสุดท้ายที่เราจะใช้ JR Kansai-Hokuriku Pass เที่ยวกันแล้ว วันนี้เราตื่นกันสายเลยล่ะ กว่าจะเก็บกระเป๋าสำเร็จก็ปาไป 10 โมงกว่าแล้ว ได้เวลาเช็คเอาท์ออกจากที่พักพอดีก่อนจะไปสนามบินเรากะว่าจะเอากระเป๋าเดินทาง 3 ใบไปฝากที่สถานีรถไฟชินโอซาก้า (Shin-Osaka) ก่อนแต่ปรากฏว่าเต็มหมดเลย แม้กระทั่งออฟฟิศฝากส่งกระเป๋าไปสนามบินที่ชั้นล่างสถานีคนก็ยังยาวเหยียดเลยค่ะ นี่แหละนะ ผลของการมาเที่ยวช่วงเทศกาลมันก็จะลำบากแบบนี้แหละ
เราก็คิดอยู่นานนะว่าจะเอายังไงดี เพราะนี่เพิ่งผ่านไปแค่ครึ่งวัน เหลืออีกตั้งครึ่งวันกว่าจะขึ้นเครื่อง คิดแล้วคิดอีก จนได้ข้อสรุปว่า เราเอากระเป๋าไปไว้สนามบินก่อนดีกว่า ! เพราะจำได้ว่าแถวนั้นมีตู้เพียบแล้วคนก็ไม่ค่อยฝากกันด้วย คิดได้ดังนั้นเราจึงใช้ตั๋ว JR Kansai-Hokuriku Pass ใบเดิมเข้าสถานีและวิ่งขึ้นรถไฟด่วนขบวน Haruka Hello Kitty ไปเลยจ้า
จากสถานีชินโอซาก้าไปสนามบินด้วยรถไฟขบวนนี้ใช้เวลาเพียงแค่ 50 นาทีเท่านั้น ระหว่างนั้นเรานั่งทานขนมที่ซื้อมา ชมวิวข้างนอกไปพลาง ๆ ไม่นานก็ได้ลากกระเป๋าเจ้าปัญหาไปฝากไว้ที่ตู้ในสนามบินเรียบร้อย เฮ้อ ! หมดภาระสักที ! แต่หากใครคิดว่าเราจะต้องมานั่งหงอยรออยู่ในสนามบินจนขึ้นเครื่องแล้วล่ะก็ คิดผิดค่ะ ! การท่องเที่ยวของเรายังไม่คอมพลีท เรายังมีตั๋วช่วยชีวิตที่ใช้ได้ยันพรุ่งนี้อยู่ ดังนั้นเราจึงโดดขึ้น Haruka Hello Kitty อีกครั้งเพื่อไปยังสถานี Tennoji !
เป้าหมายของเราก่อนจะกลับก็คือเราจะไปเที่ยวที่ชินเซไค (Shin Sekai) และช้อปปิ้งอีกเล็กน้อยที่ Mega Don Quijote แต่ดูจากแผนที่แล้วสถานีชินอิมามิยะ (Shin imamiya) ข้าง ๆ เดินใกล้กว่ามาก เราจึงเปลี่ยนรถไฟไปขึ้นขบวนธรรมดาและนั่งไปอีกแค่สถานี จากนั้นก็เดินเที่ยวได้เลย
ย่านชินเซไคนี้มีแลนด์มาร์คที่ต้องมาถ่ายรูปให้ได้คือ หอคอยทสึเทนคาคุ (Tsutenkaku Tower) ที่เมื่อรวมกับภาพวิวแสงสีและป้ายไฟต่าง ๆ รวมถึงเจ้าปลาปักเป้าด้านล่างแล้วให้บรรยากาศเรโทรแบบที่เราชอบเลย ตรงนี้ร้านอาหาร ร้านขนมเยอะมาก ๆ เดินเพลินจนนึกขึ้นได้ว่าต้องไปเมกะดองกี้ต่อแล้ว เมกะดองกี้ตั้งอยู่บริเวณทางเข้าชินเซไคเลยค่ะ บอกเลยว่าใหญ่สมชื่อ มีหลายชั้น กว้างขวางและเดินสบาย มีของให้เลือกเยอะจนเลือกไม่ถูกว่าต้องหยิบอันไหนก่อน
แต่เมื่อช้อปปิ้งจนสมใจก็ถึงเวลาอันสมควรที่ต้องกลับสนามบินกันแล้ว เรานั่งรถไฟกลับไปรอขึ้น Haruka Hello Kitty ด้วยตั๋ว JR Pass ใบเดิม ที่สถานีเทนโนจิคราวนี้ต้องกลับแล้วจริง ๆ ทริปนี้สอนให้รู้ว่าบัตร JR Pass Kansai-Hokuriku Area Pass สะดวกและคุ้มมากสำหรับการท่องเที่ยวในสถานีใหญ่ ๆ แต่ถ้าหากจะไปที่ยิบย่อยที่ไม่มี JR ผ่าน โดยเฉพาะที่เกียวโตนี่ตัวดี ยังไงก็ต้องจ่ายเพิ่มแน่นอน ! อีกเรื่องหนึ่งที่เราได้รู้จากการไปเที่ยวเกียวโตคือ...อย่าใส่ส้นสูงเดินขึ้นวัดน้ำใสนะคะปวดขามากค่ะ !
เรื่องและภาพจากประสบการณ์ตนเอง