KANSAI STORY เที่ยวนี้ (ไป) คันไซ :: HYOGO Part 1

เมื่อเอ่ยถึง จังหวัดเฮียวโงะ (Hyogo) ชื่อนี้อาจจะไม่คุ้นหูแต่ถ้าเอ่ยว่า"โกเบ" หรือ "ฮิเมจิ"  รับรองว่าทุกคนจะต้องร้องอ๋ออย่างแน่นอน  โดยทั้ง 2 เมืองที่ว่ามานั้น เป็นเพียงส่วนหนึ่งของจังหวัดเฮียวโกะเท่านั้นแต่มีขนาดพื้นที่ใกล้เคียงกับ เกียวโต โอซาก้าและนารารวมกัน!

จังหวัดใหญ่ขนาดนี้ เรื่องสถานที่เที่ยวก็ต้องมีเยอะตามแน่นอน ครั้งนี้เราจะมาแนะนำสถานที่ที่ยังเป็นที่รู้จักน้อย แต่ทว่ามีเสน่ห์สุดๆ  การเดินทางในทริปนี้จะเป็นการลัดเลาะไปจากตอนล่างขึ้นไปทางตอนบน ทำให้ได้พบว่าระหว่างทางนั้นยังมีเมืองเก่าแก่ที่น่าสนใจอีกมากมาย ไม่ว่าจะเป็น ซะซะยะมะ (Sasayama), ทะเคดะ (Takeda) และ อิซุชิ (Izushi) ที่ล้วนแล้วแต่เป็นเมืองปราสาท (Castle town) ที่มีประวัติศาสตร์อันยาวนาน และยังคงกลิ่นอายในวันวานไว้ได้อย่างสวยงาม

คลิ๊กที่รูปภาพเพื่อดาวน์โหลดแผนที่สถานที่ท่องเที่ยวในเฮียวโกะ

ย่านคิตะโนะ

Kitano Ijinkan

เริ่มต้นกันที่เมืองโกเบ ย่านคิตะโนะ (Kitano Ijinkan) เป็นย่านเก่าแก่ที่มีอายุมากว่า 150 ปี ในอดีตเคยเป็นย่านพักอาศัยของชาวต่างชาติที่เดินทางมาค้าขาย ทำธุรกิจในเมืองโกเบตั้งแต่สมัยเมจิที่ญี่ปุ่นเปิดประเทศทำการค้าขายกับชาวต่างชาติ ซึ่งท่าเรือโกเบนี้เอง เป็นจุดแรกที่ได้รับอนุญาตให้ทำการค้า

ถึงแม้ว่าบริเวณนี้จะได้รับผลกระทบจากสงครามและแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ ทำให้อาคารบ้านเรือนต่างๆเสียหายไปหลายหลัง แต่ในปัจจุบันบริเวณนี้ยังคงมีบ้านเรือนและคฤหาสน์หลังงามในสไตล์ตะวันตกหลงเหลือให้ได้ชมอยู่

โดยจุดหลักๆ จะเป็นบ้านที่เปิดเป็นพิพิธภัณฑ์คฤหาสน์ให้เข้าชม อาคารสีเขียวอ่อน Moegi House ซึ่งสร้างขึ้นเพื่อเป็นเรือนรับรองของกงสุลใหญ่อเมริกาในปี ค.ศ. 1903 Teddy Bear Museum หรือจะเดินชมสวนสมุนไพร Nunobiki Herb Garden ก็เพลิดเพลินไปอีกแบบ นอกจากบ้านและคฤหาสเก่าแก่แล้ว ก็มีร้านกาแฟ เบเกอรี่ ที่ตกแต่งน่ารักๆอยู่ในย่านนี้อีกหลายร้านให้ได้นั่งพัก ดื่มกาแฟพร้อมชมบรรยากาศสบายๆ

วิธีการเดินทาง
ลงรถไฟที่สถานี Shin-Kobe หรือสถานี Sannomiya เดินเท้าต่ออีกประมาณ 10-15 นาที

อะริมะออนเซ็น

Arima Onsen

 1 ใน 3 บ่อน้ำพุร้อนที่มีชื่อเสียงเก่าแก่ที่สุดในญี่ปุ่นมีประวัติศาสตร์ยาวนานกว่า 1,000 ปี ตั้งอยู่ไม่ไกลจากตัวเมืองหลักอย่างโอซาก้าและโกเบ สามารถเดินทางได้ง่ายใช้เวลาประมาณ1 ชั่วโมงเท่านั้น

อะริมะออนเซ็น เป็นหมู่บ้านที่อยู่อีกฟากฝั่งหนึ่งของภูเขารอคโคะ (Mt.Rokko) ที่ออนเซ็นแห่งนี้ประกอบไปด้วยน้ำพุร้อนหลายบ่อ อาทิเช่น บ่อสีทอง (Kin no yu) หรือที่รู้จักกันในนามของ Gold Spring เนื่องมาจากธาตุเหล็กทำให้น้ำมีสีน้ำตาลแดงคล้ายสนิม หรือจะเป็นบ่อสีเงิน (Gin no yu) ซึ่งมีน้ำใสไม่มีสี เต็มไปด้วยแร่ธาตุคาร์บอเนตเรเดียมที่เชื่อว่ามีคุณสมบัติในการรักษาบาดแผลและโรคภัยต่างๆ ที่เปิดให้เป็นบ่อสาธารณะสามารถเข้าไปลองแช่ดูได้

บ่อสีทอง (Kin no yu)

บ่อสีเงิน (Gin no yu)

ตาน้ำในหมู่บ้าน

หรือจะเลือกเข้าพักในเรียวกัง ที่พักแบบญี่ปุ่น และผ่อนคลายในอนเซ็นท่ามกลางธรรมชาติบนภูเขา และที่ไม่ควรพลาดที่จะแวะไปขอพรคือ ศาลเจ้าโทเซ็น (Tousen Jinja) เป็นสถานที่สถิตของเทพเจ้าผู้ปกป้องคุ้มครองอะริมะอนเซ็นแห่งนี้

ถนนไทโกะ (Taiko-dori)

หลังจากแช่น้ำร้อนผ่อนคลายแล้วออกมาเดินเล่นชมบรรยากาศของย่านช้อปปิ้งบริเวณถนนสายหลัก ถนนไทโกะ (Taiko-dori) นักท่องเที่ยวสามารถหาซื้อของฝากและสินค้าที่ระลึกได้จากที่นี่อีกด้วย

Gin no yu Onsen
ค่าเข้าชม: ผู้ใหญ่ 550 เยน, เด็ก 290 เยน
เวลาเปิด–ปิด:
 9.00 – 21.00 . (เข้าใช้บริการก่อน 20.30 .)

Kin no yu Onsen
ค่าเข้าชม: ผู้ใหญ่ 650 เยน, เด็ก 340 เยน
เวลาเปิด–ปิด: 8.00 – 22.00 น. (เข้าใช้บริการก่อน 21.30 น.)

วิธีการเดินทาง
จากสถานี Umeda ในโอซาก้า : โดยสารรถบัสของบริษัท JR หรือ Hankyu Bus ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง
จากสถานี Sannomiya ในโกเบ: โดยสารรถบัสของบริษัท JR หรือ Hankyu Bus ใช้เวลาประมาณ 30 นาที

เมืองซะซะยะมะ

Sasayama

ซะซะยะมป็นเมืองที่ตั้งอยู่ทางภาคตะวันออกของจังหวัดเฮียวโงะ เมืองเก่าแห่งนี้มีประวัติศาสตร์ที่ยาวนานตั้งแต่สมัยศตวรรษที่ 17 โดยท่านโชกุน Tokugawa Ieyasu ได้มีคำสั่งให้สร้างปราสาทซะซะยะมะ (Sasayama Castle) เพื่อใช้ป้องกันกบฏจากปราสาทโอซาก้า ในภายหลังท่านโชกุนได้ยกให้ตระกูล Aoyama ซึ่งเป็นข้าราชบริพารของท่านได้สืบทอดการดูแลปราสาทหลังนี้ต่อไป โดยมี Dai-shoin อาคารไม้ขนาดใหญ่เป็นศูนย์กลางบัญชาการของปราสาท

จากนั้นในปีค.ศ.1944 ถูกทำลายจากเหตุการณ์ไฟไหม้ อาคารหลังใหม่ได้ถูกสร้างขึ้นอีกครั้งในช่วงเดือนเมษายน ปีค.ศ.2000 โดยได้รับความร่วมมือจากชาวเมืองที่ช่วยบริจาคเพื่อบูรณะปราสาทขึ้นใหม่

ถั่วแดงอะซึกิ (Azuki Redbean)

ที่นี่ยังได้ชื่อว่าเป็นแหล่งเกษตรกรรมชื่อดัง โดยผลผลิตที่มีชื่อเสียงของเมืองซะซะยะมะได้แก่ถั่วแดงอะซึกิ (Azuki Redbean) และถั่วดำ (Kuromame Bean) เหล้าสาเกและยังมีเห็ดมัสสึซะเกะที่นักท่องเที่ยวนิยมซื้อเป็นของฝากกลับบ้าน

วิธีการเดินทาง
จากสถานี Himeji โดยสารรถไฟสาย JR Bantan Line ลงที่สถานี Takeda ใช้เวลาประมาณ 2ชั่วโมง

เมืองอิซุชิ

Izushi

เมืองเล็กๆ ที่น่าสนใจทางตอนเหนือของจังหวัดเฮียวโงะ ตั้งอยู่ในเมือง Toyooka เมืองที่มีประวัติศาสตร์รุ่งเรืองมายาวนานกว่า 200-300ปี ตั้งแต่ยุคสมัยเอโดะจนได้สมญานามว่า “Little Kyoto” เมืองอิซุชิได้ชื่อว่าเป็นเมืองปราสาท (Castle town) ที่ยังคงกลิ่นอายจากอดีตมาจวบจนปัจจุบันไว้ได้อย่างสวยงาม

สัญลักษณ์ที่สำคัญของเมืองนี้ก็คือ Shinkoro หอนาฬิกาไม้โบราณขนาดใหญ่ที่เก่าแก่ที่สุดแห่งหนึ่งของญี่ปุ่น สร้างขึ้นเมื่อปีค.ศ. 1871 และยังคงใช้งานมาจนถึงปัจจุบัน

ซากปราสาทอิซุชิ (Izushi Castle Ruins) แต่เดิมปราสาทแห่งนี้มีชื่อว่า ปราสาทอะริโกะยะมะ (Arikoyama Castle) สร้างขึ้นในปีค.ศ. 1504 ตั้งอยู่บนจุดสูงสุดของยอดเขาอะริโกะยะมะ ใช้เพื่อเป็นหอสังเกตุการณ์ข้าศึกในสมัยอดีต

จากนั้นในปีค.ศ. 1604 ปราสาทแห่งนี้ได้ถูกทำลายลง หลงเหลือไว้เพียงบางส่วนและซากปรักหักพัง อีกทั้งในช่วงยุคสมัยเมจิ ตัวปราสาทได้พังลงมาทั้งหมด จากนั้นจึงได้มีการบูรณะบางส่วนเช่น หอคอย, กำแพงหิน, คูน้ำ, ประตูและส่วนของสะพานไม้ที่บรรดาซามูไรจะใช้เพื่อข้ามขึ้นไปยังตัวปราสาท ด้านบนจะมีศาลเจ้า สังเกตได้จากเสาโทริดิสีแดงตั้งเรียงรายเป็นระเบียบ ภายหลังได้มีการเปลี่ยนชื่อเป็นปราสาทอิซุชิ

อีกสิ่งหนึ่งที่ไม่ควรพลาดเมื่อมาเยือนเมืองอิซุชิ ก็คือการลองชิมซารุโซบะชื่อดังของเมืองนี้หรือที่รู้จักกันดีในชื่อของอิซุชิโซบะ (Izushi Soba) โซบะแบบต้นตำหรับทานกับซุปดาชิ, ต้นหอม,วาซาบิต่อด้วยตอกไข่ออนเซนลงในซุป ปิดท้ายด้วยโทโรโรอิโมะ (Tororo Imo) มันป่าที่นำมาบดและกวนจนยืดเหนียว โดยมีวิธีการเสริฟที่แปลกไปจากที่อื่น คือปริมาณเส้นโซบะ 1 คนทานจะแบ่งเส้นโซบะเป็น 5 จานเล็กๆ จนมีคำเปรียบเปรยกันว่าถ้าหากใครสามารถทานโซบะจนเรียงจานเท่าความสูงของตะเกียบได้ นั่นคือคุณได้ทานอาหารแบบผู้ใหญ่ที่โตเต็มวัยแล้ว

วิธีการเดินทาง
จากโอซาก้า : โดยสารรถไฟ LTD.EXP. Konotori or Hamakazeลงที่สถานี Toyooka ใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง 30 นาที
จากนั้นโดยสารรถบัส Zentan Busที่หน้าสถานี JR Toyooka ใช้เวลาประมาณ 30 นาที

หมู่บ้านน้ำพุร้อนคิโนะซะกิ

Kinosaki Onsen Town

 ตั้งอยู่ในเมือง Toyooka หมู่บ้านเก่าแก่ที่เต็มไปด้วยวัฒนธรรมแบบญี่ปุ่น สถาปัตยกรรมบ้านเรือนเป็นแบบคลาสสิกโบราณ ที่นี่ในฤดูใบไม้ผลิริมฝั่งแม่น้ำจะเต็มไปด้วยดอกซากุระบานสะพรั่ง

จุดเด่นของที่นี่ได้แก่น้ำพุร้อนอนเซ็นจากธรรมชาติที่มีคุณสมบัติไม่เพียงแต่จะช่วยผ่อนคลายความเมื่อยล้าเท่านั้นแต่ยังเต็มไปด้วยแร่ธาตุต่างๆ มากมายที่จะช่วยบำรุงผิวและมีคุณสมบัติช่วยรักษาโรคภัยต่างๆ ได้

สำหรับผู้ที่ต้องการเข้าพักในสไตล์ญี่ปุ่น ที่นี่มีที่พักแบบเรียวกังมากมายให้เลือกพักผ่อน อีกทั้งผู้ที่เข้าพักที่เรียวกังในหมู่บ้านคิโนะซะกิออนเซ็นจะสามารถเข้าใช้บริการอนเซ็นสาธารณะได้ทุกที่ในเมืองอีกด้วย

Public Bath ที่นักท่องเที่ยวทั่วไปสามารถเข้าใช้ได้มีด้วยกัน 7 สถานที่ที่มีชื่อเสียง ได้แก่ Satono-yu, Jizou-yu, Yanagi-yu, Ichino-yu, Goshono-yu, Mandara-yu และสุดท้าย Kouno-yu โดยทั้ง 7 ที่นั้น ตั้งอยู่ในละแวกเดียวกัน สามารถเดินถึงกันได้ โดยผู้ที่มาใช้บริการเป็นคนแรกของแต่ละที่ของแต่ละวันจะได้รับแผ่นเหล็กสลักว่าได้มาเยือนเป็นคนแรกเป็นของที่ระลึก

เรียวกังในหมู่บ้านคิโนะซะกิ

นักท่องเที่ยวสามารถโดยสาร กระเช้าไฟฟ้าคิโนะซะกิ (Kinosaki Ropeway) เพื่อขึ้นไปชมทัศนียภาพอันสวยงามด้านบนจุดชมวิว ด้านบนสามารถมองเห็นวิวของเมือง, แม่น้ำมะรุยะมะ (Maruyama River)ไปจนถึงทะเลญี่ปุ่น (Sea of Japan) แบบพาโนรามา

ทางขึ้นกระเช้าไฟฟ้าคิโนะซะกิ (Kinosaki Ropeway)

วัดอนเซนจิ (Onsenji Temple)

กระเช้าไฟฟ้าคิโนะซะกิ

การเดินทาง : จากสถานี Kinosakionsen ไป Kinosaki Ropeway เดินประมาณ 20 นาที

วัดอนเซนจิ (Onsenji Temple)

วัดเก่าแก่ตั้งอยู่บนภูเขาไทชิ (Mount Taishi) ทางด้านทิศตะวันตกของเมืองคิโนะซะกิ สร้างขึ้นในปี ค.ศ. 738 บริเวณห้องโถงกลางยะคุชิโด (Yakushido) ของวัด เป็นที่ประดิษฐานของรูปปั้นพระโพธิสัตว์กวนอิม 11 เศียรที่สูงถึง 2 เมตร ซึ่งจะเปิดให้ได้เข้าสักการะทุกๆ 33 ปี โดยมีระยะเวลาเปิดให้ชมเพียงครั้งละ 3 ปี ครั้งต่อไปจะเป็นในช่วงปี ค.ศ. 2018 ถึง 2021 

ถ้ำเก็นบุโด

Genbudo Cave

 ตั้งอยู่ในเมือง Toyooka หมู่บ้านเก่าแก่ที่เต็มไปด้วยวัฒนธรรมแบบญี่ปุ่น สถาปัตยกรรมบ้านเรือนเป็นแบบคลาสสิกโบราณ ที่นี่ในฤดูใบไม้ผลิริมฝั่งแม่น้ำจะเต็มไปด้วยดอกซากุระบานสะพรั่ง

จุดเด่นของที่นี่ได้แก่น้ำพุร้อนอนเซ็นจากธรรมชาติที่มีคุณสมบัติไม่เพียงแต่จะช่วยผ่อนคลายความเมื่อยล้าเท่านั้นแต่ยังเต็มไปด้วยแร่ธาตุต่างๆ มากมายที่จะช่วยบำรุงผิวและมีคุณสมบัติช่วยรักษาโรคภัยต่างๆ ได้

วิธีการเดินทาง
จากสถานี Toyooka โดยสารรถไฟสาย JR Saninhon ลงที่สถานี Genbudo จากนั้นนั่งเรือข้ามมาฝั่งถ้ำได้เลย

FOLLOW US ON
FACEBOOK
TAGS