ปราสาทโอซาก้า ปราสาทที่มีคนไปเยือนมากที่สุดในญี่ปุ่น

ปราสาทโอซาก้า ปราสาทที่นักท่องเที่ยวทุกคนต้องปักหมุดไว้ว่าต้องมาเยือนให้ได้ หรือถ้ามาแถบคันไซ มาโอซาก้าแล้ว จะพลาดไม่ได้เลย จึงทำให้สถานที่แห่งนี้ติดอันดับปราสาทที่มีคนมาเยือนมากที่สุดในญี่ปุ่น ด้วยจำนวนผู้เข้าชมอยู่ที่ประมาณ 2.5 ล้านคนต่อปีเลยทีเดียว เสน่ห์และประวัติศาสตร์ของปราสาทแห่งนี้ เป็นจุดดึงดูดผู้คนให้ต้องได้มาสัมผัสด้วยตัวเองสักครั้ง ในตอนนี้เราจะมาเล่าถึงประวัติความเป็นมาคร่าว ๆ ที่เป็นเสน่ห์ของแลนด์มาร์คแห่งนี้

เริ่มด้วยตัวปราสาทโอซาก้าแห่งนี้ มีประวัติความเป็นมาที่น่าสนใจ ทั้งยังมีสภาพแวดล้อมโดยรอบที่เหมาะแก่การพักผ่อนสำหรับครอบครัว หรือบรรดาผู้คนที่ต้องการมาพักผ่อนในสวนรอบปราสาท ที่สำคัญคืออยู่ใจกลางเมืองที่เดินทางได้ง่าย มีรถไฟหลายสายผ่าน สะดวกสบายมาก และบริเวณรอบ ๆ ยังมีสวนสาธารณะที่เต็มไปด้วยต้นซากุระ ในช่วงฮานามิ หรือฤดูใบไม้ผลิ ประชาชนในแถบโอซาก้า รวมถึงนักท่องเที่ยวนิยมมาชมซากุระในช่วงนั้นกัน ทั้งยังมีสนามเบสบอลขนาดย่อม และฮอลล์คอนเสิร์ตอีกด้วย

 

กว่าจะเป็นปราสาทโอซาก้าในทุกวันนี้

รู้หรือไม่ว่า ปราสาทแห่งนี้มอดไหม้ พังทลายมาแล้วกี่ครั้ง และคืนชีพตัวเองมาแล้วกี่ครั้ง เปลี่ยนโครงสร้างมาไม่ต่ำกว่า 3 ครั้ง เคลื่อนจากฐานโครงสร้างเดิมมาในตำแหน่งใหม่ตามความเชื่อ เรื่องราวเหล่านี้เป็นเสน่ห์ดึงดูดผู้เยี่ยมชม และสร้างความประทับใจให้ผู้มาเยือนปราสาทในแต่ละครั้ง จุดเริ่มต้นของเรื่องราวเกิดในยุคสงครามของโทโยโทมิ ฮิเดโยชิ (Toyotomi Hideyoshi : 豊臣 秀吉) ไดเมียว (เจ้าเมือง) ที่ตัดสินใจสร้างปราสาทขึ้นในปี 1583 เพื่อเป็นฐาน โดยมีแบบมาจากปราสาทอาซูจิ ของโอดะ โนบูนางะ (Oda Nobunaga : 織田 信長 ) แต่ก็เป็นที่น่าเสียดายที่แบบโครงสร้างแรกถูกไฟไหม้ในปี 1615 ที่เป็นช่วงของสงครามระหว่างโทโยโทมิ ฮิเดโยริ บุตรชายของฮิเดโยชิ กับกองทัพโทกุงาวะ และนับเป็นจุดจบของตระกูลโทโยโทมิ ทำให้ปราสาทตกเป็นของตระกูลโทงุกาวะ ต่อมาถูกบูรณะขึ้นอีกครั้งในปี 1620 โดยโทกุงาวะ ฮิเดตาดะ (Tokugawa Hidetada : 徳川 秀忠) โชกุนคนที่ 2 ของตระกูลโทกุงาวะ แต่เคราะห์ร้ายของปราสาทก็เกิดขึ้นอีกในปี 1660 ครั้งจากเหตุการณ์ฟ้าผ่า ทำให้คลังระเบิดในบริเวณเกิดระเบิดและไฟไหม้รอบตัวปราสาท และในปี 1665 ก็เกิดเหตุฟ้าผ่าอีกครั้งจนตัวปราสาทหลักได้รับความเสียหาย พังลงมาในที่สุด

หลังจากถูกปล่อยทิ้งร้างอยู่เป็นเวลาเกือบ 200 ปี ในปี 1843 ได้ถูกบูรณะขึ้นใหม่จากเงินภาษีประชาชนในพื้นที่ และถูกเผาทำลายอีกครั้งในปี 1868 จากเหตุการณ์สงครามปฏิรูปเมจิ ความพยายามบูรณะต่อมาในปี 1928 จากเงินภาษีประชาชนอีกครั้ง แต่ก็ยังไม่พ้นคราวเคราะห์ ปราสาทได้ถูกทำลายอีกครั้งจากช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ก่อนจะถูกบูรณะขึ้นอีกครั้งในปี 1995 แล้วเสร็จในปี 1997 พร้อมอุปกรณ์อำนวยความสะดวกอย่างที่เห็นในปัจจุบัน

ภายในปราสาทถูกดัดแปลงเป็นพิพิธภัณฑ์บอกเล่าเรื่องราวความเป็นมาตั้งแต่เริ่มยุคสงคราม จนถึงสถาปัตยกรรม การบูรณะโครงสร้างในยุคต่าง ๆ รวมถึงแสดงวัตถุโบราณต่าง ๆ อีกด้วย ปัจจุบันปราสาทมีทั้งหมด 8 ชั้น มีกำแพงหิน คูน้ำที่กว้างขวางคลุมพื้นที่ขนาดใหญ่ และไฮไลท์ของที่นี่ ไม่ใช่แค่ส่วนของพิพิธภัณฑ์อย่างเดียว ยังมีจุดชมวิวบนยอดปราสาทแบบวิวพาโนรามา สามารถมองเห็นวิวเมืองได้โดยรอบ เป็นเสน่ห์ที่จะหาสัมผัสได้แค่ที่นี่ เหมือนได้หลุดมาในยุคอดีตที่ล้อมรอบไปโดยบ้านเมืองปัจจุบัน และในช่วงซากุระ วิวรอบ ๆ จะกลายเป็นสีชมพูจากต้นซากุระกว่า 3,000 ต้น

 

สิ่งที่ห้ามพลาดเมื่อมาเยือน

บริเวณโดยรอบของปราสาทและสวนยังมีซากปรักหักพังของยุคสมัยหลงเหลืออยู่ รวมถึงฐานปราสาทเดิม ที่ว่าเป็นจุดเริ่มต้นของปราสาทโครงสร้างแรก ในส่วนของโครงสร้างเดิมของปราสาทที่ไม่ได้ถูกทำลายก็ยังถูกซ่อนอยู่ในบริเวณ เช่น ป้อมปืน ประตูรอบ ๆ โรงเก็บของ หลังคาเดิม ให้ผู้มาเยือนได้ตื่นเต้นกับการตามหาอดีต และบางจุดจะเปิดแค่บางช่วงเวลาเพื่อรักษาสภาพของวัตถุไว้ ที่พลาดไม่ได้อีกจุดคือ หินขนาดใหญ่กว่า 60 ตร.ม. น้ำหนักกว่า 108 ตัน ที่เป็นที่น่าประหลาดใจว่าในยุคสมัยสามารถขนหินที่มีขนาดใหญ่ขนาดนี้มาได้อย่างไร

 

สำหรับผู้ที่ไม่เคยมาปราสาทโอซาก้าแล้วอยากลองมาสักครั้ง ลองมาแล้วคุณจะประทับใจที่นี่ แล้วได้อะไรกลับไปแน่นอน ทั้งประวัติศาสตร์ ธรรมชาติ ที่นี่มีพร้อมทุกอย่าง สามารถมาได้ทุกฤดูกาล เพราะความรู้สึก บรรยากาศจะถูกเปลี่ยนไปตามฤดูกาล มาหลุดไปในโลกแห่งอดีต และอินไปกับประวัติศาสตร์อันยาวนานของปราสาทแห่งนี้กัน

ข้อมูลเพิ่มเติม

ที่อยู่ : 1-1 Osakajō, Chūō-ku, Osaka

เวลาทำการ : 09:00 – 17:00 (รอบสุดท้าย 16:30)

วันปิดทำการ : 28 ธันวาคม – 1 มกราคม ของทุกปี

ค่าเข้า : ผู้ใหญ่ 600 เยน / เด็กนักเรียนต่ำกว่ามัธยมต้น เข้าฟรี

 

วิธีการเดินทาง

ลงสถานี Morinoyama ได้ทั้ง JR/Subway เดินประมาณ 10-20 นาที

ลงสถานี Osakajokoen, JR Osaka Loop line เดินประมาณ 10-20 นาที

ลงสถานี Tanimach 4-chome, Subway Chuo line เดินประมาณ 10-15 นาที

 

แหล่งที่มาเรื่องและภาพ : nippon

FOLLOW US ON
FACEBOOK