15 เหตุผลที่คุณควรไปเที่ยวญี่ปุ่นให้ได้สักครั้งในชีวิต

นอกจากโตเกียวแล้ว เมืองอาราชิยาม่านี่แหละที่เป็นสถานที่ท่องเที่ยวยอดฮิตของประเทศญี่ปุ่น เพราะที่นี่มีชื่อเสียงเรื่องความสงบแต่สวยงามของป่าไผ่ ในแต่ละปีมีคนจากทั่วโลกเดินทางมาที่นี่ เพื่อชมธรรมชาติของทิวไผ่ที่ทอดตัวสูงขึ้นไปสู่ฟ้า ราวกับว่าเป็นป่าแห่งหอคอย ถ้าหากคุณอยากจะเปลี่ยนบรรยากาศในวันหยุดพักผ่อน ป่าไผ่แห่งนี้ก็ยินดีต้อนรับเสมอนะ

#2 ฤดูใบไม้ร่วงต้องไม่พลาด มาเที่ยวที่สวน Hitachi Seaside

ในช่วงฤดูใบไม้ร่วง สวน Hitachi Seaside ริมชายฝั่งของเกาะที่ใหญ่ที่สุดของญี่ปุ่นอย่างฮอนชูจะมีใบไม้เปลี่ยนสี ราวกับย้อมเกาะให้กลายเป็นสีแดงด้วยเวทมนต์แห่งฤดูกาล ซึ่งคุณสามารถมาเที่ยวแบบเช้าไปเย็นกลับได้ เพราะอยู่ไม่ไกลจากโตเกียวมากนัก พอมีเวลาให้เลือกมุมสวย ๆ ถ่ายรูปได้สัก 2-3 ชั่วโมง ก็ถือว่าคุ้มค่าแล้วล่ะ เพราะสวนที่นี่สวยงามราวกับโลกในจินตนาการเลยนะ

#3 ดอก Baby Blue Eyes บานสะพรั่งกว่า 4.5 ล้านดอกที่สวน Hitachi Seaside

สวน Hitachi Seaside อยู่ทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือของกรุงโตเกียว และเป็นสถานที่ซึ่งสามารถเดินทางไปเที่ยวได้ตลอดทั้งปี เพราะมีดอกไม้หลากหลายสายพันธุ์ที่ผลัดกันเบ่งบานสลับกันไปในแต่ละฤดู โดยเมื่อดอก Baby Blue Eyes หรือ Nemophilia บานพร้อมกันทั้งหุบเขา ก็จะได้ภาพสวยงามแบบที่เห็นอยู่นี้ น่าไปเที่ยวใช่มั้ยล่ะ

#4 อุโมงค์ดอกไม้ Wisteria ที่สวน Kawachi Fuji

แค่ได้เดินลอดอุโมงค์ Wisteria ก็รู้สึกฟินยิ่งกว่าได้ลอดซุ้มดอกไม้ในงานแต่งงานไม่รู้ตั้งกี่เท่า เพราะที่สวน Kawachi Fuji นี่แหละ ที่จะช่วยทำให้จิตใจของสาว ๆ นั้นเบิกบาน โดยสวนอยู่ทางเหนือของเกาะคิวชู ห่างจากฟุกุโอกะ แค่ประมาณ 1 ชั่วโมง และมีรถขนส่งสาธารณะให้บริการด้วยนะ ไม่ต้องเช่ารถมาเอง

ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมคนญี่ปุ่นถึงหลงรัก Wisteria ดอกไม้ขึ้นชื่อจากบทประพันธ์ในชุด Waka กลอนญี่ปุ่นคลาสสิคที่ใครก็รู้จัก

#5 ท้องทุ่งแห่งชิบะซากุระ

ทุกปีจะมีงานเฉลิมฉลอง Fuji Shibazakura โดยจะมีดอกชิบะซากุระเกาะกลุ่มกันเป็นพุ่มสวยในเขตทะเลสาบใกล้ภูเขาไฟฟูจิ ให้ภาพที่สวยงามชวนน่าทึ่ง เพราะมีดอกไม้สีชมพู ขาว และม่วง กว่า 800,000 ต้นต่างชูช่อออกใบรอให้ใครต่อใครมายลโฉม ที่นี่เหมาะเป็นอย่างที่จะมานั่งสเก็ตช์รูปสวย ๆ ที่มีพื้นหลังเป็นภูเขาไฟฟูจิสุดอลังการ

#6 แม่น้ำในเมือง Kawagoe

จริงอยู่ที่โตเกียวมีที่เที่ยวเยอะ แต่คุณก็ไม่ควรพลาด Kawagoe เช่นกัน เพราะอยู่ห่างออกไปแค่ 30 นาทีเท่านั้น สามารถเดินทางมาได้ง่าย ๆ ด้วยรถไฟ ที่เที่ยวได้ทั่วในวันเดียว ซึ่งเป็นปลายทางสุดเพอร์เฟคที่ต้องมาสักครั้งในชีวิต ซึ่งเมือง Kawagoe นั้นโด่งดังเพราะแม่น้ำ (คำว่า Kawa หมายถึง “แม่น้ำ” ส่วน Goe หมายถึง “การข้าม”) ซึ่งเมืองนี้ได้รับการยกย่องว่า เป็นเมืองในยุคเอโดะขนาดย่อม ๆ เลยทีเดียว ไม่มานี่ถือว่าพลาดมากเลยนะ

#7 มาต่อกันที่ Fushimi Inari-taisha

ศาลเจ้า Fushimi Inari เป็นศาสนสถานสำคัญของนิกายชินโต ตั้งอยู่ทางใต้ของเมืองเกียวโตเพื่ออุทิศให้กับ Inari เทพเจ้าแห่งเมล็ดข้าวของนิกายชินโต โดยสุนัขจิ้งจอกถือเป็นศาสนทูตของ Inari ที่คอยส่งสารจากเทพเจ้ามาให้ผู้คนได้ทราบ ซึ่งคุณจะเห็นรูปปั้นของสุนัขป่าเป็นจำนวนมากในศาลเจ้าแห่งนี้ โดยสิ่งที่ดึงดูดคนนับพันล้านให้มาที่นี่ก็คือซุ้มประตูโทริอิที่ตั้งเรียงรายอยู่ดังรูปข้างต้น

#8 ทางเดิน Nakasendo

ทางเดิน Nakasendo นั้นมีมาตั้งแต่ยุคเอโดะ โดยคำว่า Nakasendo หมายถึงทางเดินทะลุภูเขา เป็นหนึ่งในเส้นทางสำคัญที่เชื่อมต่อกับกรุงโตเกียวในศตวรรษที่ 17 แต่ในปัจจุบันไม่ค่อยมีใครรู้จักทางเดิน Nakasendo แล้ว แต่มันยังคงสวยงามและน่าประทับใจไม่แพ้คืนวันเก่า ๆ ซึ่งตลอดสองข้างทาง คุณจะได้พบกับบรรยากาศสบาย ๆ สไตล์ชนบทของประเทศญี่ปุ่น โดยจะใช้เวลาในการเดินทั้งหมดประมาณ 10 วัน ถึงจะครบตลอดเส้นทาง

#9 ฤดูหนาวที่วัด Natadera

วัดนะตะเดระ (Natadera Temple) นั้นสวยงามมาก ถึงแม้ว่าจะสร้างมาแล้วเป็นเวลานาน จริง ๆ สามารถไปเที่ยวที่นี่ได้ตลอดทั้งปี แต่ถ้าสามารถไปช่วงฤดูหนาวได้ก็จะเห็นปุยหิมะสีขาวตัดกับตัวศาลาวัดสีแดงสดสวยงามดังภาพข้างต้น โดยวัดแห่งนี้สร้างมานานกว่า 1,300 ปีมาแล้ว แต่เพิ่งมีนักบวชชาวพุทธมาค้นพบเมื่อ 717 ปีก่อน ใกล้กับภูเขา Hakusan ในตอนที่กำลังเดินทางมาสักการะเทพีองค์หนึ่ง ใครที่อยากเที่ยวแสวงบุญแต่ไม่ชอบคนพลุกพล่านควรมาที่นี่นะ

#10 เจดีย์แห่ง Seigantoji และน้ำตกนาชิ (NACHI NO TAKI)

ถ้าอยากเที่ยวโบราณสถานที่สวยงามจนแทบจะลืมหายใจต้องมาดู Seigantoji ที่ Wakayama คุณจะได้พบกับเจดีย์ 3 ชั้นตั้งตระหง่านอยู่ข้าง ๆ น้ำตกนาชิ (NACHI NO TAKI) ที่มีความสูงมากกว่า 133 เมตรเลยทีเดียว และที่นี่ก็ถูกนำเอาไปเป็นต้นแบบในภาพยนตร์และการ์ตูนของญี่ปุ่นมาแล้วหลายเรื่อง โดยภาพยนตร์เรื่องล่าสุดที่ใช้สถานที่นี้เป็นพื้นหลังก็คือ การ์ตูนเรื่อง Conan the Movie

#11 เทศกาลแสงไฟจากต้นไผ่ใน Taketa, Ōita

Taketa หมายถึง ไผ่และทุ่งนา ซึ่งจะใช้การประดับดวงไฟในต้นไผ่ ในงานเฉลิมฉลองเทศกาลมาตั้งแต่ปี 2000 เพื่อช่วยส่งเสริมการปลูกต้นไผ่ทั่วทั้งภูมิภาค โดยในเทศกาลนี้จะมีโคมไฟมาประดับต้นไผ่มากกว่า 20,000 ดวงเลยทีเดียว

#12 เที่ยว Osaka ในวันฝนตก

คนทั่วไปชอบเที่ยวในวันอากาศแจ่มใส แต่ถ้าใครอยากลองเปลี่ยนบรรยากาศ วันฝนตกในโอซาก้าก็น่าเที่ยวเหมือนกันนะ เพราะที่นี่เป็นเมืองขนาดใหญ่รองจากโตเกียวแค่นิดเดียว แถมยังมีสถาปัตยกรรมที่น่าทึ่งอีกหลายที่ให้ได้ไปชม หรือจะใช้ชีวิตท่องราตรี หาอาหารข้างทางกินชิล ๆ ก็ย่อมได้ แต่ที่เด็ดสุดคงเป็นปราสาทโอซาก้า และถ้าฝนตกก็สามารถไปช้อปปิ้งในเมืองที่ Shinsaibashi-suji ระหว่างรอให้ฝนหยุดได้แบบไม่ต้องเสียเวลา

#13 บ่อน้ำสีฟ้าในฮอกไกโด

Hokkaido อยู่ทางทิศเหนือของประเทศญี่ปุ่น โดยมีขนาดของเกาะใหญ่เป็นอันดับ 2 ของประเทศ ซึ่งยังมีธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์อยู่มาก มีพื้นใหญ่กว่าโตเกียว 40 เท่า แต่มีประชากรเพียง 1 ใน 3 ของเมืองหลวงเท่านั้น โดยไฮไลท์ของที่นี่อยู่ที่บ่อน้ำสีฟ้า (Aoiike) เพราะในแหล่งน้ำมีแร่ธาตุที่ทำให้น้ำเปลี่ยนเป็นสีฟ้านั่นเอง

#14 ดอกซากุระเปลี่ยนแม่น้ำเป็นสีม่วงในโตเกียว

ถึงแม้ว่าดอกซากุระจะบานได้เพียงไม่นาน แต่ก็มีผู้คนจากทั่วโลกเดินทางมาชื่นชมความงามของมันอย่างคับคั่งทุกปีในเทศกาลชมดอกซากุระบาน ซึ่งปริมาณของดอกซากุระที่มีมากมาย แถมยังบานพร้อมกันทั้งเมือง ทำให้กลีบดอกไม้ที่ร่วงหล่นลงมาจากต้นดูเหมือนย้อมสีแม่น้ำให้กลายเป็นสีม่วงนั่นเอง

#15 เจดีย์ชูเรโตะ และภูเขาไฟฟูจิ