สำหรับคู่รักไม่ว่าจะแฟนหนุ่ม แฟนสาว พาร์ทเนอร์ คนสำคัญ ลองชวนกันไป Onsen Date ดูซักครั้งมั้ย ค่อย ๆ แช่น้ำ พูดคุยกันเรื่อย ๆ น่าจะดีไม่น้อยเลยนะ ครั้งนี้เรามีแพลนออนเซ็นเดทมาแนะนำจุดแวะ ทั้งร้านอาหาร เดินเล่นรอบเมือง หรือจะเดินชมบรรยากาศเรโทรของเมืองออนเซ็นก็มีสีสันนะ งั้นมาสนุกไปกับสีสัน ความสนุกของเมืองออนเซ็นที่คู่รักอยากไปมากที่สุดในภูมิภาคคันโตกันเลย
1. อาตามิ ออนเซ็น : Atami Onsen : 熱海温泉
จังหวัดชิซึโอกะ
![ภาพจาก https://wow-j.com/jp/Allguides/shizuoka/sightseeing/01512_jp/](https://www.womjapan.com/wp-content/uploads/2019/07/01-1.Atami-Onsen.jpg)
ภาพจาก https://wow-j.com/jp/Allguides/shizuoka/sightseeing/01512_jp/
New Open ! อาตามิโฉมใหม่
ในเมืองที่เต็มไปด้วยบรรยากาศของสมัยโชวะที่ยังคงอยู่จนถึงปัจจุบัน กลุ่มคนรุ่นใหม่ที่มาเยือนแหล่งท่องเที่ยว ย่านค้าขายที่เป็นเสมือนหัวใจของเมืองก็ต้องตามสมัย แฟชั่น ร้านค้าใหม่ ๆ ที่เปิดรับกลุ่มคนรุ่นใหม่ ห้ามละสายตาเด็ดขาดเลย การเดินทางก็ไม่ยากด้วย
จุดแวะที่ 1 : Atami Square Chu Cream (熱海スクエアシュークリーム)
![01-2.Square chu cream](https://www.womjapan.com/wp-content/uploads/2019/07/01-2.Square-chu-cream.png)
ร้านชูครีมที่เพิ่งเปิดทำการในเดือนกุมภาพันธ์ 2019 ที่ผ่านมา เป็นครั้งแรกกับชูครีมรูปร่างสีเหลี่ยมที่มาพร้อมรสชาติชาเชียว สตรอเบอรี่ คัสตาร์ด ในราคา 380 เยนต่อชิ้น ร้านตั้งอยู่ที่ Heisei-Dori (平和通り) ด้วยรูปร่างที่น่ารักต่างจากแบบเดิม ทำให้ร้านกำลังดังและได้รับความนิยมอย่างมาก ที่สำคัญคือรสชาติของตัวครีมใช้วัตถุดิบจากจังหวัดชิซึโอกะเอง รับรองความอร่อย สดใหม่ แน่นอน
จุดแวะที่ 2 : REFS ATAMI
![01-3.REFS](https://www.womjapan.com/wp-content/uploads/2019/07/01-3.REFS_.png)
ใบหน้ายิ้มแย้มที่เป็นเอกลักษณ์ของร้าน วัตถุดิบส่งตรงจากสวน จากไร่ท้องถิ่นมารวมตัวกันอยู่ที่นี่ แถมชั้น 2 ยังเปิดเป็นคาเฟ่ให้ผู้รักสุขภาพได้มารวมตัวกันกับเมนูอาหารสายสุขภาพ ความงาม สดใหม่ ส่งตรงปลอดสารเคมี ออร์แกนิคแท้
จุดแวะที่ 3 : Atami Pudding Café 2nd (熱海プリンカフェ2nd)
![01-4.Atami Pudding cafe](https://www.womjapan.com/wp-content/uploads/2019/07/01-4.Atami-Pudding-cafe.png)
กินพุดดิ้งไป แช่น้ำไปได้ด้วยหรอ ? คาเฟ่พุดดิ้งที่ดีไซน์ให้เหมือนอยู่ในโรงอาบน้ำ แต่แท้จริงแล้วก็คือคาเฟ่ โดยใช้พื้นที่ขอบอ่างกระเบื้องมาเป็นโต๊ะเก้าอี้ นับว่าเป็นคาเฟ่แปลกใหม่ น่าลองไปสัมผัส และเมนูแนะนำที่ต้องลองสักครั้งก็คือ Furo Agari no gyuunyuu san kyoudai (風呂上がりの牛乳三兄弟) 450 เยน นมสตรอเบอรี่ นมผลไม้ ที่จำกัด 30 ชิ้นต่อวันเท่านั้น และพุดดิ้งทั้ง 7 รสชาติ
จุดแวะที่ 4 : La DOPPIETTA
![01-5.La DOPPIETTA](https://www.womjapan.com/wp-content/uploads/2019/07/01-5.La-DOPPIETTA.png)
ร้านเจลาโต้ที่ใช้วัตถุดิบที่สามารถหาได้ในท้องถิ่น ทั้งผัก ผลไม้นานาชนิดถูกดัดแปลงกลายเป็นของหวานสุดแสนอร่อย แต่ร้านก็ยังไม่ทิ้งสไตล์ความเป็นอิตาเลียนกับเมนูเจลาโต้รสมะเขือเทศ และถั่วพิสตาชิโอ ของขึ้นชื่อของอิตาลี ที่นี่ไม่ได้แค่รับประกันความอร่อยสุขภาพดีแค่นั้น แต่ยังรับประกันความแปลกใหม่ของรสชาติที่จะหาที่ไหนไม่ได้เลยอีกด้วย
จุดแวะที่ 5 : MARUYA Terrace
![01-6.MARUYA Terrace](https://www.womjapan.com/wp-content/uploads/2019/07/01-6.MARUYA-Terrace.png)
กลิ่นหอมของปลาซาบะที่ลอยออกมาจากร้าน มาพร้อมกับเมนูบ้าน ๆ กำลังได้รับความนิยมอย่างมาก แต่ถึงจะบอกว่าเป็นเมนูบ้าน ๆ ก็ไม่น้อยหน้าเรื่องความคิดสร้างสรรค์ อย่างนำปลาซาบะมาปะกบแซนด์วิช เป็นเมนูเก๋ ๆ ชิค ๆ ลูกผสม
การเดินทาง ถึงอาริมะ ออนเซ็น
จากสถานีโตเกียว Shinkansen Hikari 35 นาที / Kodama 50 นาที
จากสถานีนาโกย่า Shinkansen Hikari 1.20ชั่วโมง / Kodama 2 ชั่วโมง
จากสถานีโอซาก้า Shinkansen Hikari 2.15ชั่วโมง / Kodama 3.10 ชั่วโมง
2. ชิบุ ออนเซ็น : Shibu Onsen : 渋温泉
จังหวัดนากาโนะ
![02-1.Shibu onsen](https://www.womjapan.com/wp-content/uploads/2019/07/02-1.Shibu-onsen.png)
ทั้งคน ทั้งออนเซ็น ช่างอบอุ่นจัง แช่น้ำเสร็จแล้วก็ไปเดินเล่นกัน
เมืองออนเซ็นที่ล้อมรอบไปด้วยแม่น้ำและภูเขา ทั้งยังเป็นเมืองที่ชวนระลึกความหลังจากบรรยากาศอีกด้วย ในเมืองเองก็เดินง่าย รายล้อมไปด้วยร้านค้า ร้านอาหาร แถมยังมีร้านสำหรับคอสาเกให้ได้ฟินกันอีกด้วย สามารถเดินวนไปรอบ ๆ เก็บแสตมป์แรลลี่ไปแบบไม่มีเบื่อเลย
จุดแวะที่ 1 : Koishiya Ryokan (小石屋旅館)
![](https://www.womjapan.com/wp-content/uploads/2019/07/02-2.Koishiya.png)
ร้านอาหารตะวันตกเพียงแห่งเดียวของชิบุออนเซ็น อยู่ติดกับโรงแรมยอดนิยมอย่างโคอิชิยะเรียวกัง ที่มีทั้งเมนูเนื้อ เบียร์ ไวน์ เมนูขึ้นชื่อคือ เนื้อท้องหมูต้มเบียร์ชิกะโคเอน และที่นั่งตรงเคาน์เตอร์ยังเป็นที่แลกเปลี่ยนเรื่องราวประสบการณ์อีกด้วย
จุดแวะที่ 2 : Cho-kun Izakaya (居酒屋ちょっくん)
![](https://www.womjapan.com/wp-content/uploads/2019/07/02-3.Chou-kun.png)
ของขึ้นชื่อของที่นี่ไม่ใช่แค่อาหาร แต่ยังมีอีกอย่างคือ การได้พูดคุยกับมาสเตอร์ เรื่องอาหารในสไตล์ของตัวเองอย่างออกรสชาติ มาสเตอร์ยังได้รับการขนานนามว่า ‘สนุกไว้ก่อน’ ทั้งยังเป็นผู้สืบทอดราเมงเต้าหู้สูตรเด็ดมาหลายรุ่นแล้ว ยังไม่หมดแค่นั้นชื่อเสียงของมาสเตอร์ยังทำให้ใครหลาย ๆ คน เดินทางเพื่อมาเจอโดยเฉพาะ ร้านเลยจะเต็มไปด้วยขาประจำ นักท่องเที่ยว และชาวต่างชาติ ที่ต่างแวะเวียนมาพูดคุยกับมาสเตอร์
จุดแวะที่ 3 : Yakitori Motoya (きとり もとや)
![](https://www.womjapan.com/wp-content/uploads/2019/07/02-4.Yakitori.png)
ร้านบรรยากาศสบาย ๆ พร้อมเหล้าสาเกและอาหารแสนอร่อย เมนูขึ้นชื่อของร้านคือ ไก่พื้นเมืองทาทากิ ราคา 756 เยน ยังมีสาเกท้องถิ่นที่แนะนำว่า ต้องมาลิ้มลอง ภายในร้านเต็มไปด้วยความรู้สึกขอบคุณผู้มาเยี่ยมเยือน และอยากชวนให้อยู่สัมผัสบรรยากาศของออนเซ็นที่นี่สัก 2 วัน ความเงียบสงบ ความลงตัวของส่วนผสมต่าง ๆ ล้วนแต่ยอดเยี่ยมทั้งนั้น
การเดินทาง ถึงชิบุ ออนเซ็น
จาก Yudanaka Station ต่อบัสไปชิบุออนเซ็นอีกประมาณ 5 นาที
3. ชิมะ ออนเซ็น : Shima Onsen : 四万温泉
จังหวัดกุนมะ
![ภาพจาก https://travel.rakuten.co.jp/onsen/gunma/OK00268.html](https://www.womjapan.com/wp-content/uploads/2019/07/03-1.Shima-onsen.jpg)
ภาพจาก https://travel.rakuten.co.jp/onsen/gunma/OK00268.html
ถึงจะมาครั้งแรกก็รู้สึกคุ้นเคยเหมือนเคยมาแล้ว เมืองน้ำพุร้อนย้อนยุคสมัยโชวะ
บ่อแช่มากมายหลายสไตล์เปลี่ยนไปตามสถานที่ บรรยากาศ กับเมืองที่ล้อมรอบไปด้วยธรรมชาติ วิวทิวทัศน์ที่ชวนดึงดูด ถ้าคุณเดินตามถนนของเมือง จะสามารถสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายของยุคโชวะที่ส่งผ่านกาลเวลามาจนถึงปัจจุบัน
จุดแวะที่ 1 : Kurenai (お食事処 くれない)
![](https://www.womjapan.com/wp-content/uploads/2019/07/03-2.Oshukuji.png)
ปลาแม่น้ำสดใหม่ ส่งตรงจากธารน้ำใสธรรมชาติบนภูเขา และเมนูขึ้นชื่ออย่างปลาไหล รับประกันความอร่อยจากประวัติร้านที่เปิดมาตั้งแต่ปี 1934
จุดแวะที่ 2 : Yanagiya (柳屋遊技場)
![](https://www.womjapan.com/wp-content/uploads/2019/07/03-3.Yanagiya.png)
ร้านเกมที่รวมทุกอย่างเกี่ยวกับลูกกลม ๆ จำพวกบอลเอาไว้ นอกจากนี้ยังมีตู้ปาจิงโกะในราคาพิเศษให้บริการอีกด้วย 50 ลูก 500 เยน แน่นอนว่าที่นี่คือ สถานที่ได้รับความรักจากชาวเมืองและนักท่องเที่ยวที่มาเยือนมากกว่า 50 ปี สำหรับมือใหม่ เรามีคนสอนให้ด้วย อย่าลืมแวะมาเยี่ยมเยือนกัน สาวน้อยฟูจิโกะหญิงสาวชื่อดังเตรียมเค้กและชารอต้อนรับอยู่
จุดแวะที่ 3 : Kashiwaya Café (柏屋カフェ)
![](https://www.womjapan.com/wp-content/uploads/2019/07/03-4.Kashiwaya.png)
ร้านกาแฟชั้นดีที่อบอวลไปด้วยกลิ่นของกาแฟ และบ้านสไตล์ดั้งเดิมชวนอบอุ่น ที่นั่งเคาน์เตอร์ชั้น 2 มีแสงจากธรรมชาติส่องเข้ามาอ่อน ๆ เป็นที่นิยม เหมาะกับผู้ต้องการเสพธรรมชาติและผ่อนคลายเป็นที่สุด ที่ขาดไม่ได้คือกาแฟที่วาดรูปออนเซ็นลงไป ทั้งยังมีขนมโฮมเมดให้ได้ลิ้มลองกันอีกด้วย
จุดแวะที่ 4 : Yakimanju Shimamura (焼まんじゅう 島村)
![](https://www.womjapan.com/wp-content/uploads/2019/07/03-5.Yakimanju.png)
มันจูเผาด้วยถ่านสูตรพิเศษจากเมืองชิมะ จังหวัดกุนมะ 1 ไม้ 4 ลูก 300 เยน ซอสรสชาติหวาน มัน พิเศษจนคุณผู้หญิงทั้งหลายจะต้องอดใจไว้ไม่ไหว แถมยังมีเมนูของว่างแสนอร่อยอีกหลายเมนูรออยู่
การเดินทางถึงชิมะ ออนเซ็น
จากสถานีโตเกียว นั่งบัสด่วนคันเอสึ ‘สายชิมะออนเซ็น’ ตรงมาลงได้เลย ใช้เวลาประมาณ 3.30 ชั่วโมง
4. ชูเซนจิ ออนเซ็น : Shuzenji Onsen : 修善寺温泉
จังหวัดชิซึโอกะ
![ภาพจาก https://s.webry.info/sp/tempsera.at.webry.info/201112/article_1.html](https://www.womjapan.com/wp-content/uploads/2019/07/04-1.Shuzenji-onsen-768x512.jpg)
ภาพจาก https://s.webry.info/sp/tempsera.at.webry.info/201112/article_1.html
แนะนำคู่รัก เดทแบบชุดยูกาตะ
เมืองออนเซ็นแห่งนี้ได้รับการกล่าวขานว่าเป็นเมืองออนเซ็นที่เก่าแก่ที่สุด ทั้งยังดูสงบ เป็นส่วนตัวเอามาก ๆ เหมาะกับคู่รักที่ต้องการความเป็นส่วนตัว และยังเหมาะเป็นที่สำหรับฮันนีมูนของคู่ข้าวใหม่ปลามันอีกด้วย
จุดแวะที่ 1 : Machinavi Yururi (街ナビゆるり)
![](https://www.womjapan.com/wp-content/uploads/2019/07/04-2.Machinavi.png)
เมื่อมาถึงเมืองออนเซ็นทั้งทีก็ต้องมาเลือกชุดยูกาตะที่น่ารักเหมาะกับบรรยากาศ แบบมีให้เลือกมากกว่า 150 แบบ ทั้งชาย - หญิง ยังมีบริการทำผม หรือถ้าต้องการเครื่องประดับเพิ่ม กระเป๋าถือ ที่นี่ก็มีบริการ ค่าบริการเช่าชุดก็อยู่ที่ 4,000 เยน ไม่แพง แถมฟิน ๆ ถ่ายรูปสวย ๆ กัน ชิลเลย
จุดแวะที่ 2 : Shuzenji GIFT SHOP & DESIGN STUDIO (修善寺 燕舎)
![04-3.Shuzenji gift shop](https://www.womjapan.com/wp-content/uploads/2019/07/04-3.Shuzenji-gift-shop.png)
จากความรู้สึกกลายมาเป็นรูปร่างของชาวเมืองที่ตั้งใจประดิษฐ์ สรรค์สร้าง ออกมาเป็นงานแฮนด์เมดนานาชนิด เพื่อให้ผู้ที่มาเยือนได้เก็บความรู้สึกของเมืองแห่งนี้กลับออกไป
จุดแวะที่ 3 : Chasho Take no Sato Mizuguchi (茶処 竹の里 水ぐち)
![](https://www.womjapan.com/wp-content/uploads/2019/07/04-4.Chasho.png)
หยุดแวะพักชิมบรรยากาศกับขนมญี่ปุ่น ชาเขียว ที่ล้อมรอบไปด้วยทิวทัศน์อันเขียวชอุ่ม โรงน้ำชาที่เปิดโล่งให้รับอากาศบริสุทธิ์ จะหันหน้าไปทางไหนก็เห็นวิวได้ชัดเจน ความงามที่จะเปลี่ยนไปตามฤดูกาลนับเป็นเสน่ห์ที่น่าค้นหา
จุดแวะที่ 4 : Chikurin no Shokei (竹林の小径)
![](https://www.womjapan.com/wp-content/uploads/2019/07/04-5.Chikurin.png)
เดินป่าไผ่ฟังเสียงสายลมที่พัดผ่าน เสียงของใบไผ่ที่กระทบกันก่อนอาทิตย์ตกดินตลอดทางทอดยาวกว่า 400 เมตร ด้านข้างยังมีแม่น้ำไหลผ่าน แถมหลังตะวันตกดินมี Light-up ให้คุณสามารถเพลิดเพลินไปกับบรรยากาศของธรรมชาติได้อย่างเต็มที่
จุดแวะที่ 5 : Sora Togetsusou Kinryu (宙 SORA 渡月荘金龍)
![04-6.Sora](https://www.womjapan.com/wp-content/uploads/2019/07/04-6.Sora_-768x610.png)
เพลิดเพลินไปกับบ่อกลางแจ้งเปิดโล่งที่หรูหรา สามารถมองเห็นธรรมชาติรอบข้างได้ ค่าบริการอยู่ที่ 40 นาที 2,000 เยน ตกกลางคืนบ่อจะเปิดไฟ เพิ่มบรรยากาศชวนโรแมนติกให้มากขึ้น
การเดินทางถึงชูเซนจิ ออนเซ็น
จากสถานีมิชิม่า Izuhakone Railway ลงสถานีชูเซนจิ ประมาณ 30 นาที นั่งบัสต่อไป Shuzenji Onsen หรือ Nijino Sato หรือแท๊กซี่ ประมาณ 5-10 นาที
จากสถานีโตเกียว JR limited express Odoriko ลงสถานีชูเซนจิ ประมาณ 2 ชั่วโมง นั่งบัสต่อไป Shuzenji Onsen หรือ Nijino Sato หรือแท๊กซี่ ประมาณ 5-10 นาที
แหล่งที่มาเรื่องและภาพ : jalan