แนะนำ “Huis Ten Bosch” สวนสนุกสุดยิ่งใหญ่ในคิวชู เที่ยวยังไงให้คุ้มพาสที่สุด

‘Huis Ten Bosch : เฮาส์เทนบอช’ สวนสนุกสุดยิ่งใหญ่แห่งภูมิภาคคิวชู ธีมปาร์คที่จำลองบรรยากาศหมู่บ้าน อาคารสไตล์ยุโรปยุคกลาง ถ้าได้หลุดเข้าไปคงต้องคิดว่าได้มาเยือนยุโรปแล้วแน่ ๆ ที่นี่ถูกออกแบบให้เป็นเหมือนเมืองเล็ก ๆ ที่มีพร้อมทั้งร้านค้า ร้านอาหาร และโรงแรม ทั้งยังมีสวนดอกไม้สวยติดอันดับที่ 1 ของธีมปาร์คอีกด้วย สำหรับคนชอบถ่ายภาพก็มีมุมถ่ายภาพสวย ๆ มากมาย ต่อด้วยมี illumination ในช่วงเย็นให้ได้ชมกัน แค่เกริ่นสถานที่ก็เยอะแยะขนาดนี้ แล้วสวนกว้างใหญ่ขนาดนี้ กิจกรรม อีเวนต์ก็เยอะจะเที่ยวยังไงให้คุ้ม 1 วันดี ? วันนี้เรามีแพลนแนะนำให้คุ้มพาสที่สุดมาฝากกัน ตามไปดูกันเลย

เริ่มจากหลักของการมาเที่ยวเฮาส์เทนบอชก่อน ส่วนใหญ่ความสนใจจะอยู่การมาชมเทศกาลดอกไม้ มาเล่นเครื่องเล่น VR ไม่ก็มาดู illumination กัน แล้วถ้าจะให้คุ้มก็ต้องจัดให้ครบ เริ่มวางแพลนเรื่องของแอเรีย หรือบริเวณที่จะไปกัน เพื่อจัดสรรแพลนอย่างมีประสิทธิภาพที่สุด คุ้มที่สุด

 

1. เริ่มจากชมเทศกาลดอกไม้ในช่วงเช้า

ภายในสวนแห่งนี้มีจุดชมดอกไม้หลัก ๆ อยู่ 3 จุด คือ Harbor Town, Palace Huis Ten Bosch, Amsterdam city ซึ่งเทศกาลดอกไม้จะเปลี่ยนตามฤดูกาล เช่น เทศกาลดอกทิวลิปยักษ์ 1 ล้านดอก เทศกาลซากุระ ช่วงเดือนกุมภา-ต้นเมษา และเทศกาลดอกเบญจมาศ เทศกาลกุหลาบ ช่วงเดือนเมษา-มิถุนา เป็นต้น โดยส่วนใหญ่จะเนรมิตให้กลายเป็นทุ่งดอกไม้ กับถนนที่เต็มไปด้วยสีสันของดอกไม้ ด้วยบริเวณที่กว้างใหญ่และเวลาที่จำกัด เราจึงต้องมีตัวช่วย ‘จักรยาน’ นั่นเอง

จะเดินให้ครบทั้ง 3 โซน ก็ต้องใช้เวลาอย่างน้อย 3 ชั่วโมงเลยทีเดียว ถ้าเลือกปั่นจักรยานก็จะประหยัดเวลา ประหยัดแรงไปได้อีกเยอะเลย แต่ก็แน่นอนว่าจะต้องมีค่าใช้จ่าย 3,500 เยน 3 ชั่วโมง, 2,000 เยน 1 ชั่วโมง ในโซนของ Palace Huis Ten Bosch จะเป็นทางแคบ ซึ่งอาจจะไม่เหมาะกับการปั่นจักรยาน สามารถเลือกเป็นโซนสุดท้าย แล้วคืนจักรยาน เดินเพลิน ๆ กันได้เลย

ระหว่างเที่ยวชมเทศกาลดอกไม้จาก Harbor Town ไป Amsterdam City มีร้านอาหารแนะนำอย่าง ‘DAM’ กับเมนูเบอร์เกอร์ที่จะช่วยเติมพลังก่อน เดินทางเข้าโซนต่อไปของ Amsterdam square ที่ล้อมรอบไปด้วยดอกไม้ตามฤดูกาล บริเวณตรงนี้ก็มีคาเฟ่ที่สามารถนั่งพักผ่อน อิ่มเอมไปบรรยากาศเพลิน ๆ ก่อนย้ายไปจุดที่เป็นไฮไลท์บริเวณใกล้ ๆ ทางเข้า และยังเป็น 1 ในไอคอนของที่นี่

นั่นก็คือ กังหันลมขนาดใหญ่นั่นเอง จุดที่ใคร ๆ ก็ต้องแวะมาถ่ายรูปสวย ๆ และจุดนี้ยังใช้เป็นจุดชม illumination อีกด้วย

 

2. ช่วงบ่ายมาเล่นเครื่องเล่น VR

หลังจากชมดอกไม้กันเสร็จแล้วก็มาต่อที่แพลนเครื่องเล่น VR ในโซน Attraction Town 1 ในสวนสนุก VR ยอดนิยมของญี่ปุ่น เริ่มเครื่องเล่นแรกที่ VR no Kan (VRの館) สนุกกับบรรยากาศแบบ 360 องศา จะหันหน้า จะหันหลัง ก็สามารถมองเห็นภาพได้ จะหวาดเสียวก็ดี จะใจเต้นแบบเจอหนุ่ม 2D ก็ดี

ต่อไป VR roller coaster หรือ VR-KING เครื่องเล่นประเภทโคสเตอร์ความเร็วสูง แน่นอนที่นี่เร็วติดอันดับโลก ด้วยความเร็ว 270 km/hr และจุดสูงสุด 300 เมตร ลุ้นระทึกใจเต้นแน่ ๆ

Bahamut Disco เครื่องเล่น VR ที่ไม่ต้องใช้ VR ภายในห้องจะถูกจำลองให้เหมือนอวกาศมีแสงส่องไปทั่วห้อง ให้ความรู้สึกแปลกใหม่แบบไม่เคยเจอมาก่อน ลักษณะของเกมส์จะเป็นการยิงวัตถุที่ลอยผ่านไปผ่านมา ประกอบด้วยแสง สี เสียง ที่เหมือนดิสโก้ เล่นแข่งคะแนนกับเพื่อน ๆ ได้อย่างสนุกสนานเฮฮา

หลังจากเที่ยวเล่นกับเครื่อง VR กันไปแล้ว มาสนุกไปกับมุมถ่ายรูปสวย ๆ กันต่อในโซนเดียวกัน (Attraction Town) สีสันของร่มที่ใช้ประดับตกแต่งในยามกลางวันก็ดูน่ารัก สดใสมาก แต่พอตกเย็น แสงจากไฟประดับจะส่องสีร่มราวกับร่มเรืองแสงอยู่ รับรองว่าสวยจนหยุดกดชัตเตอร์ไม่ได้เลย

ถัดมา ‘Chocolate House’ บ้านช็อคโกแลตที่เต็มเป็นด้วยปริศนากลไกที่ซ่อนเร้นอยู่ เป็นจุดที่ทุกคนจะต้องแวะเวียนมาพิสูจน์กลไกก๊อกน้ำช็อคโกแลตที่ซ่อนอยู่ และแวะถ่ายภาพกันไปแบบสวย ๆ

ต่อจากแนวน่ารัก ๆ หวาน ๆ ก็มาต่อที่ประสบการณ์สยอง ชวนขนหัวลุกที่บ้านผีสิง ในโซน Thriller city พื้นที่สุดสยองที่ใหญ่ที่สุดของโลก เรื่องความสมจริงต้องยกให้ที่นี่ โรงพยาบาลผีสิง ที่มาทั้งบรรยากาศ กลิ่นยา เสียง จัดเต็มจนต้องหลอนไปตาม ๆ กัน ใครที่อยากกรีดร้อง ขอเชิญท่านมาพิสูจน์ความกล้าที่จะเดินหน้าหรือถอยหลังก็ต้องเสียน้ำตา

เล่นกันมาทั้งวันเข้าสู่ช่วงเย็น แวะกันที่ร้าน DE RODE LEEUW ก่อนไปดู illumination ช่วง 18:00 น. เมนูแนะนำของที่นี่คือ สเต๊กเนื้อราดซอสเลม่อน รสละมุนกลมกล่อม เปรี้ยวปนหวานจากเลม่อน ราคา 1,680 เยน

 

3. ตกเย็นก็ต้อง illumination ระดับโลก

และแล้วก็เดินทางถึงไฮไลท์สุดท้ายของวันที่สุดแสนคุ้มค่าของพาส illumination ที่นี่จะเริ่มตั้งแต่ 18:00 น. เป็นต้นไป แสงสีสุดยอดระดับโลก ถ้ามองจากมุมสูงที่นี่จะกลายเป็นทะเลกากเพชรที่ส่องแสงระยิบระยับ จนพูดออกมาได้แค่คำเดียวว่า สวยอะไรอย่างนี้ ที่นี่ไม่ใช่แค่ราคาคุย แต่ได้รับการการันตีอันดับ 6 จาก Illumination Ranking ระดับประเทศมาแล้ว

ยังไม่หมดเพียงเท่านี้ยังมีขบวนพาเหรด การแสดงแสงสีเสียงกับน้ำพุ ล่องเรือไปตามแนวคลองเพื่อชมแสงสีเสียงก็สุดแสนโรแมนติก จะแวะชมบรรยากาศที่คาเฟ่ลอยฟ้าก็ดี หรือจะบนชิงช้าสวรรค์ จะบนสะพาน จะริมถนน จะที่ไหน ๆ ก็ดี เพราะทุกที่คือ เวทีการแสดง ไม่มีโซนไหน จุดไหน ที่จะไม่มีการแสดงเลย เรียกได้ว่าครบ จะอยู่ตรงไหนก็สามารถสนุกไปกับ illumination และกิจกรรมได้หมด โยกย้ายเปลี่ยนโซนกันได้เพลิน ๆ จนถึง 22:00 น. เลย

หลังจากสนุกมาทั้งวันแล้ว สามารถจองโรงแรมที่อยู่ในปาร์คได้ ภายในตกแต่งสไตล์ยุโรปจนเหมือนได้มาพักผ่อนต่างประเทศจริง ๆ เลย และที่น่าจะถูกใจคุณผู้หญิงก็คือ ห้องสไตล์เจ้าหญิงพร้อมโต๊ะกระจกขนาดใหญ่ แต่งหน้ายกแก๊งกันแบบสบายๆ ทั้งยังโต๊ะดื่มชาน่ารัก ๆ ให้สาว ๆ ได้เม้าท์มอย พูดคุยกันตามประสาสาว ๆ อีกด้วย ที่สำคัญอีกอย่างสำหรับคุณผู้หญิง แค่ได้เห็นห้องก็จะต้องบอกว่า น่ารักจนหายเหนื่อยแล้ว

จบกันไปแล้วกับแพลน 1 วัน ที่รวมรสไว้อย่างครบถ้วน สำหรับเพื่อน ๆ ที่อยากจะลองมาที่ Huis Ten Bosch แล้วไม่รู้ว่าจะเริ่มจากตรงไหน ก็ลองมาตามแพลนนี้กันได้ และสามารถเข้าไปเช็ครายละเอียดกิจกรรม เทศกาลต่าง ๆ ก่อนมาได้ เพราะที่นี่กิจกรรม เทศกาล เปลี่ยนตามฤดูกาล ที่สำคัญจองโรงแรมไว้ด้วยนะคะ จะได้เที่ยวเสร็จพักแบบชิล ๆ กันได้เลย แน่นอนว่าแพลนปรับเปลี่ยนตามความพอใจของเพื่อน ๆ ได้เลยค่ะ

 

Huis Ten Bosch

เวลาทำการ : ทุกวัน 09:00-22:00

ค่าเข้า : 1 Day pass (บัตรผ่านประตู + สามารถใช้กับเครื่องเล่นได้ 50 ประเภท + พาเลซเฮาส์เทนบอช)

ผู้ใหญ่ 7,000 เยน / เด็กมัธยม 6,000 เยน / เด็กประถม 4,600 เยน / เด็ก 3,500 เยน / ผู้สูงอายุ 5,500 เยน

 

การเดินทาง : จากสนามบินนางาซากิ สามารถเดินทางโดยบัส หรือเรือ ตรงมาได้เลย

จากสถานีนางาซากิ นั่งสาย JR Seaside Liner ไปลงสถานีซาเซโบะ ใช้เวลาประมาณ 1.30 ชม. 1,470 เยน

จากสถานีนางาซากิ นั่งบัสสายตรงมาลงที่ปาร์คได้เลย (เฉพาะเสาร์-อาทิตย์)

 

แผนที่ https://goo.gl/maps/EBbeNUz3gQKr8CAD8

รายละเอียดเพิ่มเติม

http://thailand.huistenbosch.co.jp/

 

แหล่งที่มาเรื่องและภาพ : jalan

FOLLOW US ON
FACEBOOK