พาทัวร์ Ghibli Museum จากประสบการณ์ตรง เพื่อสัมผัสสุดยอดผู้สร้างอนิเมชั่นตัวจริง!

ใครเป็นสาวกของค่ายสตูดิโอจิบลิบ้าง…? ผู้เขียนจะเป็นคนหนึ่งที่ยกมือสองข้างสูงๆ เลยเชียว จากความคลั่งไคล้ในอนิเมชั่นหลายเรื่องของค่ายนี้ ทำให้ผู้เขียนตั้งเป้าหมายไว้ว่า จะต้องไปพิพิธภัณฑ์จิบลิให้ได้สักครั้งหนึ่ง! และแล้ววันนั้นก็มาถึงจริงๆ เป็นช่วงเวลาที่ประทับใจอย่างบอกไม่ถูก

Ghibli Museum, Mitaka

ก่อนไป…จองตั๋วล่วงหน้า
   ก่อนที่จะถึงวันเข้าชมพิพิธภัณฑ์จิบลิ อยากให้ทราบก่อนว่า การจองตั๋วเข้าชม จะต้องจองล่วงหน้าเท่านั้น ไม่มีขายด้านหน้าพิพิธภัณฑ์แต่อย่างใด ฉะนั้นจึงไม่สามารถเล่าข้ามช่วงนี้ไปได้ สำหรับคนต่างชาติอย่างเรา การจองตั๋วออนไลน์ทำได้ผ่านเว็บไซต์ http://www.lawson.co.jp/ghibli_museum/ โดยจะเปิดขายทุกวันที่ 10 ของเดือน ในเวลา 10 โมงเช้าของประเทศญี่ปุ่น ซึ่งเป็นเวลา 8 โมงเช้าของประเทศไทย ที่สำคัญจะเปิดให้จองตั๋วเพียงระยะเวลา 2 เดือน เช่น หากคุณต้องการไปในเดือนมีนาคม ต้องจองในวันที่ 10 กุมภาพันธ์ เพราะในเดือนนี้จะเปิดขายบัตรแค่เดือนกุมภาพันธ์กับเดือนมีนาคมเท่านั้น ถ้าหากว่าคุณไม่สามารถจองในเดือนนี้ได้ อย่าคิดว่าเดือนมีนาคมค่อยมาจองใหม่ รับรองว่าเต็มไปก่อนแล้วแน่นอน

ไม่มีตั๋วขายหน้าพิพิธภัณฑ์ ต้องจองล่วงหน้าเท่านั้นนะ

ไม่เพียงแค่นั้น เมื่อถึงเวลา 8 โมงเช้าของไทย เปิดคอมฯ เรียบร้อย กดเข้าจะทำการจอง เว็บล่ม!!! ผู้เขียนเปิดหน้าเว็บเข้าๆ ออกๆ อยู่ราวๆ 2 ชั่วโมง จึงสามารถจองตั๋วได้สำเร็จ แม้จะไม่ได้รอบเวลาที่ต้องการ แต่ก็นับว่าคุ้มค่ากับความพยายามที่ได้มา และขอแนะนำว่า ก่อนที่จะจองตั๋ว ให้เตรียมข้อมูลชื่อผู้จองเป็นภาษาอังกฤษ (1 คนสามารถซื้อได้หลายใบ) หมายเลข Passport หมายเลขบัตรเครดิต และรอบวันเวลาที่เข้าชม (ให้เลือกไว้สัก 2 รอบ) เมื่อทำการจองได้อย่างบรรลุผลสำเร็จ รอรับอีเมลแล้วปริ้นส์ใบยืนยัน เพื่อนำไปยื่นให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบก่อนเข้าพิพิธภัณฑ์พร้อม Passport ในวันเข้าชมได้เลย

ดูเวลาให้ดีๆ อย่ามาช้านะ

เดินเข้าไปชมบริเวณด้านนอกก่อนได้

Totoro’s Reception

ถึงเวลาออกลุยแล้ว!
    ผู้เขียนได้ตั๋วรอบบ่ายสองโมง ด้วยความตื่นเต้น และนั่งรถไฟมาไกลจากโตเกียว จึงทำให้ถึงก่อนเวลา 1 ชั่วโมง ซึ่งอันที่จริงแล้วควรมาถึงอย่างช้าก่อนเวลาเข้า 15 นาที เพื่อมายืนต่อแถวรอเมื่อถึงตรงตามเวลารอบแล้ว เจ้าหน้าที่จะเปิดต้อนรับทุกท่านอย่างยิ้มแย้มแจ่มใส ก่อนเข้าพิพิธภัณฑ์ทุกคนจะได้แผ่นฟิล์มจากหนังของค่ายเป็นที่ระลึก
    เมื่อเข้ามาด้านในแล้ว มีข้อห้ามงดถ่ายภาพ ทุกอย่างต้องบันทึกด้วยความทรงจำของตัวเอง นั่นทำให้การเข้าชมพิพิธภัณฑ์จิบลิเป็นประสบการณ์ที่ยอดเยี่ยมมาก โดยด้านในมี 3 ชั้น เริ่มที่ชั้นล่างสุด ถือเป็นการเริ่มต้นที่ตื่นเต้นจับใจมาก หากจะหันไปด้านขวา คือ ส่วนของนิทรรศการ “The Beginning of Movement” เป็นการแสดงเทคนิคภาพเคลื่อนไหว ในรูปแบบต่างๆ ที่น่าทึ่งอย่างมาก เรียกได้ว่าคนเรียนฟิล์มเป็นอีกหนึ่งกลุ่มที่ต้องมาชมด้วยตัวเอง ส่วนด้านซ้ายเป็นห้องฉายภาพยนตร์สั้นของสตูดิโอจิบลิ บัตรผ่านทางก็คือ แผ่นฟิล์มที่ได้รับมา เรื่องสั้นที่นำมาฉายไม่เคยชมผ่านช่องทางใดมาก่อน ไม่ต้องรู้จักมาก่อนก็ได้ ไม่มีคำบรรยายภาษา แต่เข้าใจง่าย ดูแล้วทั้งขำทั้งอมยิ้มตามไปด้วย และโถงตรงกลางชั้นล่าง มีเคาน์เตอร์ประชาสัมพันธ์ ห้องน้ำ และบันไดวนที่เดินขึ้นไปตรงถึงชั้น 3 ได้เลย

แผนผังของพิพิธภัณฑ์จิบลิ

   แต่ผู้เขียนเลือกจะเดินบันไดธรรมดา ก่อนเพื่อขึ้นไปที่ชั้น 2 มีการจัดแสดงนิทรรศการ ห้องทางด้านซีกขวามีชื่อว่า “Where a Film is Born” ห้องนี้เหมือนเป็นการจำลองโต๊ะทำงานของอาจารย์มิยาซากิ ฮายาโอ และทีมงานที่เต็มไปด้วยภาพวาดดินสอของแต่ละคาแรกเตอร์ในจังหวะการเคลื่อนไหว การลงสีที่ต้องใช้ทุกเฉดสี ดินสอทู่ๆ ด้ามสั้นๆ กองพะเนิน สะท้อนความมุ่งมั่นที่กว่าจะได้ชมภาพยนตร์แต่ละเรื่อง แค่แต่ละซีนยังต้องวาดอย่างละเอียดมาก กว่าจะรวมกันเป็นอนิเมชั่นสักเรื่อง สุดยอดจริงๆ ส่วนห้องนิทรรศการอีกด้านของชั้น 2 จะจัดแบบหมุนเวียน ผู้เขียนได้ชมนิทรรศการเกี่ยวกับอาหารในอนิเมชั่นที่รวบรวมหลายๆ เรื่องไว้ในห้องนี้ แน่นอนว่า สาวกจิบลิจะต้องคุ้นกับฉากกินที่นำมาแสดงแน่ๆ ทั้งภาพ และสีสันทำเอารู้สึกหิวตาม
    ขึ้นมาที่ชั้น 3 เป็นส่วนของเด็กๆ จะได้เล่นสนุกบนตุ๊กตารถบัสแมวจากเรื่อง My Neighbor Totoro และมีห้องขายของที่ระลึก ผู้เขียนไม่พลาดที่จะหาโปสการ์ดน่ารักๆ มาเก็บไว้เป็นคุณค่าทางใจ หลังจากเที่ยวชมด้านในจนครบทุกซอกทุกมุม แม้แต่ในห้องน้ำที่แต่ละห้องยังมีภาพวาดฝาผนังต่างกัน ก็จะได้เวลาถ่ายรูปบริเวณด้านนอก ซึ่งแบ่งออกเป็น 2 ฝั่ง ฝั่งหนึ่งจะมีหุ่นยนต์ทหารจากเรื่อง Laputa : Castle in the sky ให้โพสท่าถ่ายรูปได้ จากนั้นเดินวนตามทางลงไปชั้นล่างในส่วนที่มีจัดแสดงไว้ให้ถ่ายรูป แล้วจึงเดินขึ้นบันไดอีกด้าน เพื่อมาถึงอีกฝั่งจะเป็นส่วนของคาเฟ่ขนมนั่นเอง ผู้เขียนลองไอศกรีมราคา 800 เยน รสชาติวานิลามิกซ์ช็อกโกแลต เหมือนทูโทนบ้านเรา อร่อยใช้ได้อยู่นะ

คาเฟ่เปิดแล้วจ้า

ขนาดถุงใส่สินค้าที่ระลึกยังน่าเก็บ

    นั่งพักกินไอศกรีมซึมซับบรรยากาศของมิวเซียมอยู่สักพักก่อนกลับ ในช่วงเวลาราวๆ เกือบ 2 ชั่วโมงที่ได้อยู่ในพิพิธภัณฑ์จิบลิแห่งนี้ ผู้เขียนอิ่มเอมใจไปกับความอัศจรรย์ของการสร้างสรรค์อนิเมชั่นแต่ละเรื่อง สตูดิโอจิบลิ ไม่ได้เพียงสร้างหนัง แต่ยังใส่หัวใจลงในผลงาน ทำให้หนังของค่ายนี้เต็มเปี่ยมไปด้วยเสน่ห์อย่างล้ำลึก ถามว่าหากคนที่ไม่เคยดูหนังของค่ายสตูดิโอจิบลิเลย มาแล้วจะอินมั้ย ผู้เขียนคิดว่า ย่อมได้ความน่าตื่นเต้น ได้สัมผัสความแปลกตามากกว่า แต่ถ้าคนที่ชอบดูหนังหรือคนทำหนัง น่าจะได้แรงบันดาลใจดีๆ กลับไปไม่มากก็น้อย มาแล้วคุ้มค่าต่อความพยายามจองตั๋ว การเดินทาง และคุ้มต่อเวลาแน่นอน เพราะที่นี่คือที่สุดแห่งอนิเมชั่นของจริง

บริเวณด้านนอกให้ถ่ายรูปได้

รู้ก่อนไป
ที่ตั้ง : 1-1-83 Simorenjaku, Mitaka-shi, Tokyo 181-0013
รอบเวลา : 10.00 น./ 12.00 น./ 14.00 น./ 16.00 น.
ราคา : ผู้ใหญ่อายุ 19 ปีขึ้นไป 1,000 เยน / เด็กอายุ 13-18 ปี 700 เยน / เด็กอายุ 7-12 ปี 400 เยน / เด็กอายุ 4-6 ปี 100 เยน
การเดินทางไปจิบลิ มิวเซียม : ลงสถานี Mitaka ตามเส้นทางรถไฟสาย JR Chuo Line มาออกทาง South Exit แล้วขึ้นรถบัสของจิบลิ มิวเซียมที่ป้ายหมายเลข 9 ถึงหน้ามิวเซียมเลย เป็นทางที่สะดวกที่สุด ขากลับก็สามารถนั่งรถบัสแล้วไปที่สถานีได้เหมือนเดิม
ข้อห้าม : บริเวณด้านในอาคารทั้ง 3 ชั้น ห้ามถ่ายรูปเด็ดขาด แต่คุณสามารถพกกล้องไว้เก็บภาพบริเวณรอบนอกได้
ข้อแนะนำเพิ่มเติม : มี Lowson ฝั่งตรงข้ามให้แวะหาอาหารรองท้องก่อนเข้าไป, รอบๆ พิพิธภัณฑ์จิบลิเป็นสวนสาธารณะที่บรรยากาศดีมากๆ , เข้าชมพิพิธภัณฑ์ไม่ควรทานน้ำหรืออาหาร ซึ่งด้านในมีคาเฟ่แต่คนจะแน่นมากเลยเชียว

รถบัสรับส่งไปยัง Ghibli Museum และสถานี Mitaka

FOLLOW US ON
FACEBOOK