เมื่อช่วงเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา มีเหตุการณ์แผ่นดินไหวครั้งสำคัญที่มีอัตราการสั่นสะเทือนมากถึง 6.1 ริกเตอร์ในตอน 8 โมงเช้า บริเวณเมืองโอซาก้าของประเทศญี่ปุ่น ส่งผลให้มีคนเสียชีวิตอย่างน้อย 3 คน และมีคนได้รับบาดเจ็บหลายร้อยคนเลยทีเดียว
โดยการที่แผ่นดินไหวในครั้งนี้ ทำให้ข้าวของที่เรียงรายอยู่บนชั้นร่วงหล่นลงมา กำแพง หลังคา และเสาบ้านพังทลาย รถไฟต้องหยุดวิ่งนานหลายชั่วโมง ท่อน้ำ ท่อก๊าซ และท่อประปาชำรุด ส่งผลให้การคมนาคมขนส่ง ตลอดจนการเข้าถึงเครื่องอุปโภคบริโภคมีปัญหา แต่ยังดีที่ไม่มีเหตุสึนามิตามมาเหมือนที่หลายคนกังวล รวมทั้งไม่ส่งผลกระทบต่อโรงงานผลิตไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์รั่วไหลเหมือนอย่างกรณีของโรงไฟฟ้าฟุกุชิมะแต่อย่างใด
ความเสียหายในครั้งนี้เองอาจจะไม่ได้หนักหนาเท่ากับเหตุการณ์ครั้งอื่นๆ ที่ประเทศญี่ปุ่นก็จริง แต่มันก็สร้างความบาดเจ็บทางจิตใจให้แก่ผู้คนไม่น้อย เพราะพวกเขาล้วนแต่ต้องสูญเสียส่วนหนึ่งของชีวิตไปด้วยกันทั้งนั้น ทำให้ผู้คนทั่วโลกต่างก็เห็นใจคนญี่ปุ่นเป็นอย่างมาก จึงได้ระดมเงินบริจาคเพื่อทำการช่วยเหลือ โดยคนไทยเองก็เป็นส่วนหนึ่งของธารน้ำใจในครั้งนี้ และยังมีอาสาสมัครชาวมุสลิมไทยจากภาคใต้ไปช่วยเหลือชาวบ้านที่ประสบภัยในครั้งนี้ด้วยเช่นกัน ซึ่งสาเหตุหลักของการเกิดแผ่นดินไหวในประเทศญี่ปุ่นนั้น สืบเนื่องมาจากตำแหน่งที่ตั้งของประเทศญี่ปุ่นนั้นตั้งอยู่บนรอยเลื่อน Ring of Fire หรือวงแหวนมรณะ ซึ่งเป็นแนวเลื่อนของแผ่นเปลือกโลกพอดี จึงต้องประสบภัยกับเหตุแผ่นดินไหวอยู่บ่อยครั้ง แต่อย่างไรก็ตาม คนญี่ปุ่นก็รับมือกับปัญหาที่ต้องเผชิญได้เป็นอย่างดี ด้วยการให้ความรู้กับเด็กๆ ตั้งแต่ชั้นอนุบาล ให้ฝึกหลบภัยใต้โต๊ะ หรือหนีไปยังที่โล่ง เพื่อป้องกันสิ่งของตกลงมาใส่ศีรษะจนเกิดอันตราย ส่วนผู้ใหญ่ก็ไม่กักตุนอาหาร และไม่แซงคิวในการรับสิ่งของช่วยเหลือแต่อย่างใด
บางทีเราอาจจะเรียกภัยธรรมชาติในครั้งนี้ว่าเป็นเหตุการณ์ทดสอบพลังใจซึ่งอาจจะส่งมาจากพระเจ้า เพื่อวัดถึงคุณงามความดีในจิตใจของพวกเราทุกคนที่มีให้ต่อกันก็เป็นได้ และพวกเราก็ได้พิสูจน์ให้พระองค์เห็นแล้วว่ามนุษย์อย่างพวกเรา ถึงแม้ว่าจะแก่งแย่งชิงดีชิงเด่นกันตลอดเวลา แต่พอมีเหตุเภทภัย ก็พร้อมที่จะรวมใจกันเป็นหนึ่ง หยิบยื่นโอกาสและความช่วยเหลือให้กันและกันด้วยเช่นกัน #PrayForJapan
แหล่งข้อมูลอ้างอิง : dw, reuters, edition.cnn, bbc, newsweek, theguardian, express