Movie Review : รีวิว The 8-Year Engagement บันทึกน้ำตารัก 8 ปี

NokCyber

The 8 Year Engagement "8年越しの花嫁" หรือชื่อไทย บันทึกน้ำตารัก 8 ปี เป็นภาพยนตร์รักโรแมนติกที่สร้างมาจากเรื่องจริงของคู่รักชาวญี่ปุ่น คุณ ฮิซาชิ นากาฮาระ กับคุณ ไม นากาฮาระ ซึ่งเป็นกระแสในโซเชียลมีเดียเรียกนํ้าตากับคนญี่ปุ่นหลายล้านคน พอถูกนำมาสร้างเป็นหนังจึงทำสถิติขายตั๋วได้มากกว่า 2 ล้านใบ และทำรายได้ถึง 2.5 พันล้านเยน จากกระแสบอกต่อ แบบปากต่อปาก รวมถึงสามารถเข้าชิงรางวัลยอดเยี่ยมจาก Japan Academy Prize กว่า 4 สาขา

หนังกำกับโดย ทาคาฮิสะ เซเซะ เจ้าของผลงานซีรีส์ Korudo kesu: Shinjitsu no Tobira  และได้ โอคาดะ โยชิคาซึ ผู้เขียนบทหนังชื่อดังอย่าง Be with You และ If Cats Disappeared from the World มารับหน้าที่ดัดแปลงหนังสือที่ ฮาซาชิ เขียนร่วมกับ ไม มาเป็นบทภาพยนตร์ ส่วนนักแสดงนำได้ ทาเครุ ซาโต้ จาก If Cats Disappeared from the World มาประกบคู่กับ ทาโอะ ซึจิยะ จาก Orange โดยทั้งคู่เคยร่วมงานกันในแล้วหนังเรื่อง Rurouni Kenshin

 

The 8 Year Engagement บอกเล่าเรื่องราวความรักที่เปี่ยมด้วยความประทับใจยิ่งกว่านิยาย เรื่องราวเกิดขึ้นที่จังหวัดโอคายามะ ในปี 2006 ฮิซาชิ นากาฮาระ (ทาเครุ ซาโต) ช่างซ่อมรถ ขอ ไม นากาฮาระ เชฟสาว (ทาโอะ ซึจิยะ) แต่งงาน แต่สามเดือนก่อนงานแต่งกลับเกิดโศกนาฏกรรมกับพวกเขา เมื่อ ไม เกิดล้มหมดสติ และตรวจพบว่าเป็นโรค NMDA หรือ โรคสมองอักเสบ ซึ่งเกิดจากภูมิคุ้มกันตัวเองไปทำลายระบบประสาทจนทำให้เธอนั้นกลายเป็นเจ้าหญิงนิทรา แต่ ฮิซาชิ ก็ยังเชื่อมั่นในปาฏิหาริย์และรอคอยให้เธอฟื้นขึ้นมา

 

ถึงชื่อหนังภาษาไทยจะมีคำว่า บันทึกน้ำตา ที่ชวนให้นึกถึง บันทึกนํ้าตา 1 ลิตร อีกเรื่องราวจากชีวิตจริงของคู่รักชาวญี่ปุ่นที่ถูกนำมาสร้างเป็นซีรีส์และภาพยนตร์เช่นกัน แต่ The 8 Year Engagement ก็ไม่ได้หม่นเศร้าขนาดนั้น เราสามารถแบ่งหนังออกเป็นสามองค์ดังนี้

 

องค์แรกคือ หนังรักโรแมนติก ที่นำเสนอจุดเริ่มต้นความรักหวานๆของทั้งคู่ ตั้งแต่การพบกันครั้งแรก การออกเดท การขอแต่งงาน

องค์ที่สอง คือ หนังดราม่าโรคร้าย ที่ฝ่ายหญิงต้องต่อสู้กับโรคภัยไข้เจ็บนานหลายปี ขณะที่ฝ่ายชายก็พยายามต่อสู้เพื่อให้ได้เป็นส่วนหนึ่งในชีวิตเธอต่อไป เพราะพ่อแม่ของฝ่ายหญิงกดดันให้เขาเลิกอยู่เคียงข้างลูกสาวของพวกเขาและไปมีชีวิตใหม่

องค์ที่สาม หนังโรแมนติกดราม่า เมื่อฝ่ายหญิงฟื้นจากการเป็นเจ้าหญิงนิทราขึ้นมาทำกายภาพบำบัด ระหว่างนั้นเองเธอก็พบว่าความทรงจำกลับมาไม่หมด และส่วนที่หายไปคือส่วนสำคัญอย่างความทรงจำเกี่ยวกับ ฮิซาชิ คู่หมั้นของเธอ ที่ตอนนี้กลายมาเป็นเพียงชายหนุ่มแปลกหน้า เนื่องจากเธอจำอะไรเกี่ยวกับเขาไม่ได้เลย

โครงเรื่องของหนังแข็งแรงเพราะสร้างมาจากเรื่องจริง จึงทำให้คนเชื่อได้ไม่ยาก ซึ่งการนำเสนอของผู้กำกับอย่างการถ่ายทอดสองมุมกล้องพร้อมกันในซีนเดียว เพื่อให้ทราบความรู้สึกของสองตัวละครที่แตกต่างกัน ในเวลาเดียวกัน ได้ทำให้ฉากนั้นน่าสนใจมากยิ่งขึ้น ด้านโลเคชันที่ใช้ถ่ายทำภาพยนตร์ก็สวยงามมาก ส่วนตัวชอบการที่นำงานของฝ่ายชายอย่างการซ่อมแซมรถยนต์ มาเปรียบเทียบเกี่ยวกับเรื่องของชีวิตและความรัก โดยในหนัง ไม เหมือนเกิดใหม่ เธอต้องผ่านการซ่อมแซมถึง 3 อย่างคือ ร่างกาย ความทรงจำ และหัวใจ แน่นอนว่าลำพังตัวคนเดียวไม่สามารถทำได้แน่ๆ

 

ตัวหนังตั้งใจที่จะชื่นชมการอดทนรอคอยและความเสียสละของ ฮิซาชิ ที่ไม่เคยหมดหวัง แม้เขาจะต้องแบกรับเรื่องราวอะไรไว้มากมาย จุดนี้ต้องชื่นชมการถ่ายทอดอารมณ์ของ ทาเครุ ซาโต้ ที่เล่นออกมาได้อย่างสมบทบาท เช่นเดียวกับ ทาโอะ ซึจิยะ ที่นอกจากจะเคมีเข้ากันแล้ว ในฉากที่ฝ่ายหญิงป่วย ทาโอะ ยังทุ่มเทแบบไม่ห่วงสวย การแสดงจึงออกมาสมจริงมากๆ ขณะที่เพลงประกอบหนังอย่าง เพลง Mabataki ของวง Back Number ก็ไพเราะสุดๆ การันตีด้วยการขึ้นอันดับ 1 ของชาร์ต Oricon Weekly Ranking ติดต่อถึง 4 สัปดาห์

The 8 Year Engagement คือรักโรแมนติกที่มีฉากทำให้คนดูน้ำตาไหลได้เกือบตลอดทั้งเรื่อง ขณะเดียวกันก็มีแง่มุมที่งดงามเกี่ยวกับรักแท้ให้อิ่มเอมใจ และช่วยสร้างกำลังใจได้อย่างดี สำหรับใครที่กำลังป่วย หรือมีคนที่ใกล้ชิดกำลังป่วย

คลิปตัวอย่างภาพยนตร์

ผู้กำกับ : Takahisa Zeze

นักแสดง : Takeru Satoh, Tao Tsuchiya, Kanji Furutachi, Kenta Hamano, Keisuke Horibe

Wani91

The 8-Year Engagement หรือในชื่อไทย บันทึกน้ำตารัก 8 ปี สร้างมาจากอัตชีวประวัติของ คุณฮิซาชิ นากาฮาระ และคุณไม นากาฮาระ คู่รักปาฏิหาริย์ที่สร้างความประทับใจไปทั้งญี่ปุ่น บวกกับฝีมือการเขียนบทจากอาจารย์โอคาดะ โยชิคาซึ ที่มีผลงานจากภาพยนตร์ที่คนไทยน่าจะคุ้นชื่อ

อย่าง ปาฏิหาริย์รัก 6 สัปดาห์ เปลี่ยนฉันให้รักเธอ (Be With You : 2004) และ ถ้าโลกนี้ไม่มีแมว (If Cat Disappear From The World : 2016)

ตัวหนังไล่เรียงเหตุการณ์ตามไทม์ไลน์ ถ้าเปรียบกับการกินอาหาร ตัวหนังค่อย ๆ เริ่มจากอาหารรองท้อง อาหารจานหลัก และตบท้ายด้วยของหวานอย่างสมบูรณ์แบบ ให้คนดูค่อย ๆ ละเลียดอาหารทีละจาน เริ่มต้นจากความรักของ คุณฮิซาชิ และ คุณไม ความสัมพันธ์ระหว่างคนสองคนค่อย ๆ ก่อตัว จนลงเอยที่การตกลงแต่งงานแบบคู่รักคู่อื่น ๆ แต่ก่อนงานแต่งเพียงสองเดือนครึ่ง โชคชะตากลับเล่นตลกให้คุณไมต้องล้มป่วยเป็นเจ้าหญิงนิทราอย่างกะทันหันด้วยโรคที่ทราบภายหลัง คือ โรคสมองอักเสบ และมีเนื้องอกที่มดลูก ทำให้คุณฮิซาชิ และครอบครัวของคุณไมต้องคอยแวะเวียนมาดูแล ด้วยความหวังว่าคุณไมจะฟื้นขึ้นมา ถึงแม้ว่าความหวังนั้นจะริบหรี่ก็ตาม ในที่สุดปาฏิหาริย์แรกก็เกิดขึ้น เมื่อคุณไมลืมตาขึ้นมา แต่ก็พบว่าความทรงจำของเธอที่เกี่ยวกับตัวคนรักนั้นหายไปจนหมดสิ้น แล้วคุณฮิซาชิจะทำอย่างไรให้เกิดปาฏิหาริย์แห่งรักขึ้นมาอีกครั้ง

สำหรับนักแสดงหลัก เป็นการกลับมาโคจรอีกครั้งของ ทาเครุ ซาโต้ (Takeru Sato) จาก “ถ้าโลกนี้ไม่มีแมว” (If Cats Disappeared from the World : 2016) มาประกบคู่กับ ทาโอะ ซึจิยะ (Tao Tsuchiya) จาก Orange (2015) ที่ดูเคมีเข้ากั๊น เข้ากันจนทำให้ผู้เขียนเชื่อว่าเขาทั้งคู่นั้นเป็นคนรักกันจริง ๆ รวมไปถึงการแสดงของน้องทาโอะ ซึจิยะ ตั้งแต่ตอนที่ล้มป่วยจนหายดี ที่ทำให้คนดูนั้นลุ้นและเอาใจช่วยให้หายป่วยเร็ว ๆ จนลืมไปว่านั่นคือการแสดง เพลงประกอบภาพยนตร์ ได้วงป๊อปร็อก อย่างวง Back Number มาถ่ายทอดความรู้สึกความรักจากคน ๆ หนึ่งที่มีให้อีกคนหนึ่งอย่างเต็มเปี่ยม ด้วยเพลง “Mabataki” ที่ปล่อยในช่วง End Credit เพราะจนสะกดให้ต้องนั่งดูจนเครดิตสุดท้ายเลื่อนขึ้นจนหายไป

จากชื่อเรื่องภาษาไทย ทำให้ผู้เขียนต้องพกทิชชู่เข้าไปในโรงด้วย แต่กลับผิดคาดตัวหนังไม่ได้ทำให้ร้องไห้ฟูมฟายอย่างที่คิด ความรู้สึกอยากร้องไห้นั้นถูกกลบไปด้วยความรู้สึกของการเอาใจช่วยให้ปาฏิหาริย์เกิดขึ้น ในขณะที่น้ำตาของผู้เขียนนั้นก็ถูก “ความรักของคนเป็นพ่อเป็นแม่ที่มีต่อลูกสาว” และ “ความรักของผู้ชายคนนึงที่มีต่อผู้หญิงที่เขารัก” อุดไว้ไม่ให้ไหล แต่สุดท้ายทำนบก็แตก ด้วยความรู้สึกอิ่มเอมใจ เมื่อถึงตอนท้ายของภาพยนตร์

 

หลังจากตกตะกอนแล้ว ทำให้กลับมาคิดทบทวนว่า ถ้าเป็นตัวเองจะสามารถอดทนรอแบบนั้นได้ไหม แน่นอนว่าภาพยนตร์เรื่องนี้จบแบบแฮปปี้เอนดิ้งตามเหตุการณ์ปาฏิหาริย์ที่เกิดขึ้นจริง แต่ถ้าตกอยู่ในสถานการณ์นั้นจริง ๆ ที่ต้องอดทนรอคอยอย่างมีความหวังโดยไม่มีรู้จุดสิ้นสุด มันจะทรมานขนาดไหน

อย่างที่เกริ่นไปก่อนหน้านี้แล้วว่า เรื่องนี้อบอวลไปด้วยความรัก ความรักของคนในครอบครัว ท้ายที่สุด ไม่ว่าจะเจอเรื่องราวแย่ ๆ มากมายขนาดไหน ลองหันหลังกลับไปก็จะเจอคนในครอบครัวเรารอคอยอยู่ และเชื่อเหลือเกินว่า พวกเขาก็พร้อมช่วยเหลือและฟันฝ่ากับเราเสมอ ถ้าวิ่งจนรู้สึกเหนื่อย ก็ลองหยุดที่จุดพักที่มีชื่อว่า “ครอบครัว”

ความรักของคน ๆ หนึ่งที่มีต่ออีกคน หลายคนอาจจะมองว่าไม่จีรัง ไม่เชื่อว่ารักแท้มีอยู่จริง เมื่อได้มาดูเรื่องนี้แล้ว อาจจะรู้สึกว่า เรื่องแบบนี้ไม่มีทางเกิดขึ้นในชีวิตฉันหรอก เป็นความรักที่ยากจะเชื่อ และหาไม่ได้อีกแล้วในชีวิตจริง แทนที่จะรอความรักแบบนั้นให้เข้ามา ทำไมไม่ลองสร้างความรักแบบนั้นให้เกิดขึ้นด้วยตัวเอง การมอบความรักให้ใครสักคน ไม่มีทางสูญเปล่า…

FOLLOW US ON
FACEBOOK