Movie Review: รีวิว Shashin Koshien Summer in 0.5 Seconds เสี้ยววินาทีแห่งความฝันของวัยรุ่น

Shashin Koshien Summer in 0.5 Seconds (写真甲子園0.5) ภาพยนตร์ดราม่าที่ได้รับแรงบันดาลมาจากเหตุการณ์จริง เรื่องราวเทศกาลการแข่งขันถ่ายภาพระดับประเทศ เพื่อชิงรางวัลอันทรงเกียรติยศของนักเรียนมัธยมปลายที่ผ่านเข้ารอบสุดท้ายจำนวน 18 ทีม มีชื่อการประกวดว่าชะชินโคชิเอ็น ที่เริ่มจัดครั้งแรกในปี 1994 จนถึงปัจจุบัน โดยฝีมือของผู้กำกับฮิโรชิ สุกะวะระ (Hiroshi Sugawara : 菅原 浩志)

ถึงแม้ว่างานประกวดนี้จะมี 18 ทีม แต่ภาพยนตร์ก็โฟกัสไปที่ 2 ทีม ระหว่างทีมจากเมืองหลวงอย่างโตเกียว และทีมต่างจังหวัดอย่างโอซาก้า ทั้งคู่ต่างที่มา มีเบื้องหลังที่ไม่เหมือนกันแต่มีความฝันเดียวกัน คือมุ่งมั่นที่จะคว้าชัยชนะจากการประกวดในครั้งนี้ให้ได้ โดยงานประกวดนี้จัดขึ้นในช่วงฤดูร้อนที่ฮอกไกโด ภูมิภาคที่ครอบคลุมไปด้วยป่าไม้ขนาดกว้างใหญ่ และสวยงามจนมีคำกล่าวว่า “ถ้าฝรั่งเศสเป็นเมืองแห่งการถ่ายหนัง ฮอกไกโดก็เป็นเมืองแห่งการถ่ายภาพ” ผู้แข่งขันต่างต้องต่อสู้กันด้วยแสงแฟลชและเสียงชัตเตอร์ เพื่อถ่ายทอดความงามของญี่ปุ่นและจิตวิญญาณของมนุษย์ในรูปแบบภาพแห่งความทรงจำ…ทีมใดจะเป็นทีมที่สมหวัง

เนื้อหาต่อไปนี้มีการสปอยล์

เนื่องจาก Shashin Koshien Summer in 0.5 Seconds เป็นภาพยนตร์เรื่องแรกของผู้กำกับฮิโรชิ สุกะวะระ ที่มีโอกาสฉายในประเทศไทย เขาจึงบินลัดฟ้ามาเพื่อพูดคุยหลังจบการฉายภาพยนตร์เรื่องนี้อีกด้วย

จะเห็นได้ว่าผู้กำกับเลือกที่มาของตัวละครหลักได้แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง โดยตัวแทนจากโตเกียว จะมีความโดดเดี่ยว มุ่งมั่น พยายามทำทุกอย่างด้วยตัวเอง และเก่งในด้านการวางองค์ประกอบ เทคนิคการถ่ายภาพ จึงถ่ายภาพที่ต้องใช้เทคนิคพิเศษได้อย่างยอดเยี่ยม ในขณะที่ตัวแทนจากโอซาก้า ที่เติบโตขึ้นมาด้วยสิ่งแวดล้อมที่รายล้อมไปด้วยผู้คน จะมีความเป็นมิตร และความสามารถพิเศษในการถ่ายภาพมนุษย์ได้อย่างยอดเยี่ยม นอกจากจะสะท้อนวิธีคิดของคนที่ต่างที่มากันแล้ว ยังหล่อหลอมคนที่ต่างที่มากันด้วยเทศกาลการถ่ายภาพนี้

โดยภาพยนตร์เรื่องนี้อาจจะใจร้ายเล็กน้อย แต่นี่คือความจริง ความจริงที่ว่านั่นก็คือ คนเราควรมีความพยายามในสิ่งที่เราอยากทำ แต่ความพยายามอย่างเดียวคงไม่เพียงพอที่จะทำให้ได้รับรางวัลแห่งความสำเร็จเพื่อตอบแทนความพยายาม มันยังมีปัจจัยอีกมากมายที่ไม่สามารถควบคุมได้ แทนที่จะมองที่ผลลัพธ์เพียงอย่างเดียว เราควรจะมองไปกระบวนการที่ผ่านมา ว่าระหว่างทางนั้นเราได้อะไรไปบ้าง เพื่อพัฒนา ต่อยอดไปในทางของตัวเราเอง

นอกจากนี้ในตอนท้ายของภาพยนตร์ ผู้กำกับต้องการสื่อถึงจิตวิญญาณแห่งความมุ่งมั่น เพราะถึงแม้ตัวตาย แต่จิตวิญญาณยังคงอยู่และสามารถสืบทอดจิตวิญญาณนั้นไปจากรุ่นหนึ่งสู่รุ่นหนึ่งได้

มากไปกว่าที่กล่าวมา ภาพสวยเหลือเกินค่ะ ผู้เขียนรู้สึกว่าเหมือนได้ไปท่องเที่ยวฮอกไกโดไปพร้อม ๆ กับตัวละคร สวยขนาดที่ว่าภาพยนตร์นี้สามารถใช้ในการประชาสัมพันธ์การท่องเที่ยวฮอกไกโดได้เลย เนื้อเรื่องยอดเยี่ยม ภาพสวย อีกหนึ่งภาพยนตร์ดี ๆ ที่ไม่ควรพลาด

แหล่งที่มา : asianwiki, sfcinema, jfbkk

FOLLOW US ON
FACEBOOK