AKITA มนต์เสน่ห์แห่งโทโฮคุ (ตอนที่ 2)

อีกหนึ่งสถานที่ที่แนะนำว่าต้องแวะไปให้ได้คือ Nyuto Onsen หมู่บ้านน้ำพุร้อนที่มีชื่อเสียงโด่งดังของเมือง Tazawako

ออนเซ็นแห่งนี้ตั้งอยู่ภายในหุบเขา ดังนั้นช่วงฤดูใบไม้ร่วง การแช่ออนเซ็นกลางแจ้งท่ามกลางบรรยากาศทิวทัศน์ของใบไม้เปลี่ยนสี สลับสีสันทั่วทั้งทิวเขานั้นจะฟินขนาดไหนต้องลองมาสัมผัสด้วยตัวเองดูสักครั้ง ภายในหมูบ้านมีเรียวกังที่เปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าพักอยู่ 7 แห่ง จะค้างคืนหรือจะเแช่ออนเซ็นอย่างเดียวแล้วกลับก็ได้เช่นกัน

Tsuru No Yu Onsen คือหนึ่งในเรียงกังออนเซ็นสไตล์ญี่ปุ่นที่มีอายุเก่าแก่ที่สุดในบรรดาทั้งหมด 7 แห่ง ซึ่งแน่นอนว่าคิวจองห้องพักนั้นยาวตลอดทั้งปี เหมาะอย่ายิ่งสำหรับผู้ที่ชื่นชอบสถานที่ที่คนยังไม่ค่อยเข้าถึงกันสักเท่าไหร่ 

"Yama no Imo Nabe" อาหารขึ้นชื่อประจำเมืองอะกิตะ มีประวัติยาวนานมาตั้งแต่สมัยโชวะ ส่วนใหญ่มักเสิร์ฟเป็นเมนูพิเศษในมื้อค่ำ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากได้ซดน้ำซุปร้อนๆ ของมิโซะหม้อไฟมันภูเขาในคืนที่อากาศหนาวเหน็บ แล้วละก็รับรองว่าฟินอย่าบอกใคร

"Sansai" เป็นอาหารพื้นบ้านดั้งเดิมของชุมชนภูเขา นิยมประกอบด้วยอาหารที่ปรุงจากผักและเห็ดภูเขาหลากหลายชนิด ภายในเซ็ทยังมีปลาอิวานะ ที่จับได้จากแม่น้ำ เวลากินมักนำมาเสียบไม้ ทาด้วยเกลือให้ทั่ว แล้วจึงนำไปย่างบนเตาถ่าน "อิโรริ" เตาผิงรูปสี่เหลี่ยมบนพื่นบ้านแบบโบราณของญี่ปุ่น

เมื่อมาอะกิตะแล้วต้องห้ามพลาดกับความงามของหุบเขาดาคิกะเอริ (Dakigaeri Gorge) หุบเขาแห่งนี้ตั้งอยู่ในเขตเมืองเซมโบคุ ถือว่าเป็นอีกหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่สวยงามมากที่สุดแห่งหนึ่งในภูมิภาคโทโฮคุ โดยเฉพาะสีสันของช่วงฤดูใบไม้ร่วง ระหว่างริมหน้าผาทั้ง 2ด้าน สีเขียวสลับส้มตัดกับสีฟ้าสดของลำธาร ที่ตัดผ่าใจกลางของภูเขา

นักท่องเที่ยวทั่วไปสามาถเดินศึกษาธรรมชาติได้จากบนสะพานแขวนสีแดง "Kami no Ishibashi"  ที่เชื่อมหน้าผาทั้งสองฝั่งเข้าไว้ด้วยกัน

สำหรับใครที่กำลังมองหาที่ท่องเที่ยวใหม่ๆที่ต่างออกไปนอกเหนือจากเมืองหลักอย่างโตเกียวหรือโอซาก้าแล้ว "อะกิตะ" นับเป็นอีกหนึ่งจังหวัดที่มีครบทุกอย่าง ทั้งธรรมชาติที่ยังคงความอุดมสมบูรณ์ สถานที่ท่องเที่ยวทางประวัติศาสตร์ อาหารอร่อย ผู้คนอัธยาศัยดี หากได้มาเยือนสักครั้งรับรองว่าคุณจะหลงรักอะกิตะเช่นเดียวกันกับเรา