![P1022712](https://www.womjapan.com/wp-content/uploads/2018/09/P1022712-1-768x576.jpg)
กุนมะ ||
1. Washinton plaza TakasakiGinza Sukiyaki- Shabushabu
2. GARBA Cafe
3. Bossa Nova Cafe
นีงะตะ ||
4. Tonkatsu Sanjo
5. Tochu Ojiya
6. Uonuma no Sato
นากะโนะ ||
7. YAMABUKI @Patio Daimon
8. Kokorone : Touji -soba
9. Le Grand Hotel and Resort
10. Karuizawa Logtei
กุนมะ
มองจังหวัดกุนมะในมุมมองคนที่เพิ่งไปเยือนถิ่นครั้งแรก เพราะดินดี น้ำดี และแดดดี จึงทำให้ที่นี่มีวัตถุดิบสำหรับปรุงอาหารที่อุดมสมบูรณ์
กลับมาเราก็เลยค้นหาข้อมูลเพิ่มเติม และเพิ่งจะทราบว่า เมืองมินาคามิที่อยู่ทางด้านเหนือของจังหวัดนิยมปลูกผักบนพื้นที่สูง เช่น กระหล่ำปลีที่มีชื่อเสียงมาก ส่วนพื้นที่ราบก็มีการปลูกผักทั้งในและนอกอาคารเรือนกระจกอย่างกว้างขวาง เช่น แตงกวา, มะเขือเทศ, มะเขือยาว, ปวยเล้ง ฯลฯ
ส่วนผลไม้ก็ปลูกอย่างหลากหลาย เช่น ลูกบ๊วยที่ปลูกติดอันดับต้นๆ, บลูเบอร์รี่, แอปเปิ้ล, สาลี่, องุ่น, สตรอร์เบอร์รี่, เชอร์รี่, ลูกพีช ฯลฯ นอกจากนั้นยังมีสวนที่ให้คนได้มาเที่ยวเก็บผลไม้จากต้นด้วยตนเอง แถมในเรื่องของของหวาน กุนมะยังติด 1 ใน 10 จังหวัตที่มีปริมาณการผลิตไข่ไก่มากของประเทศญี่ปุ่นอีกด้วย
1. Washinton plaza TakasakiGinza Sukiyaki- Shabushabu
เราขอเริ่มจากเมนูดาเมจแรง สุกี้ยากี้เนื้อบน โรงแรม Washinton Plaza ชั้น 12 ที่เราประทับใจจนถือว่าเป็นเมนูที่สุดในชีวิตเลยก็ว่าได้
ก่อนจะเข้าเรื่องกินสุกี้ยากี้ ขอให้ความรู้นิดนึงว่าทำไมต้องมากินที่กุนมะ?
จริงๆ แล้วจังหวัดกุนมะมี "ผืนดินที่ใช้ความแตกต่างในระดับความสูงให้เป็นประโยชน์ในด้านการเกษตร " และ "จำนวนชั่วโมงของแสงแดดที่ยาวนาน" จึงเป็นแหล่งปลูกผักชั้นนำ
และถ้าอยากทานอาหารที่รวบรวมผัก และเนื้อวัวต่างๆ ที่กุนมะภาคภูมิใจ ก็ต้องเป็น "สุกี้ยากี้" มีทั้งต้นหอมซิโมนิตะที่มีรสชาติหวานเข้มข้น ผักกาดขาว เห็ดหอม และเส้นบุกซิราทาคิ เป็นต้น นอกจากนี้เติมเนื้อวัวที่มีชื่อของกุนมะเข้าไปด้วยแล้วล่ะก็...อื้ม ละลาย ละมุนในปาก หอมไข่ดิบสด หอมรสซีอิ้ว และรสกลมกล่อมของเนื้อวัว โอวววว มีเท่าไหร่ก็ไม่พอจริงๆ
![P1022382](https://www.womjapan.com/wp-content/uploads/2018/09/P1022382-1-768x576.jpg)
![P1022390](https://www.womjapan.com/wp-content/uploads/2018/09/P1022390-1-768x576.jpg)
จ-ศ มื้อกลางวัน 11:30 - 14:00 มื้อเย็น 17:30 - 22:00 (LO 21:30)
ส-อา และวันหยุดนักขัตฤกษ์ 11:30 - 15:00 มื้อเย็น 17:30 - 21:30 (LO 21:00)
3 นาทีจากสถานี Takasaki
2. GARBA Cafe
ร้าน GARBA เป็นคาเฟ่ชิคๆ บรรยากาศร้านคือดีมาก เนื่องจากอยู่ที่เมืองมินาคามิซึ่งเป็นเมืองที่ถูกล้อมด้วยภูเขา ช่วงเวลาที่เราไปคือหน้าร้อน มองไปทางไหนก็จะสบายตาเพราะความเขียวขจี สดชื่นนี่แหละ
มีขนมขึ้นชื่อ Baumkuchen รสชาติไม่หวานไป มีรสชาติหลากหลาย ทั้งชาเขียว ชาโฮจิฉะ ก็มี ที่สั่งมาคือ ชิโอะคาราเมล ออกเค็มนิดๆ ตัดหวานของคาราเมล ชอบมาก แถมมีให้เลือกซื้อเป็นของฝากกลับบ้านด้วยนะ
![P1022132](https://www.womjapan.com/wp-content/uploads/2018/09/P1022132-1-768x576.jpg)
![P1022127](https://www.womjapan.com/wp-content/uploads/2018/09/P1022127-1-768x576.jpg)
![P1090580](https://www.womjapan.com/wp-content/uploads/2018/09/P1090580-1-768x576.jpg)
3. Bossa Nova Cafe
ร้านนี้เหมาะกับคนรักช็อกโกแลต ของโปรดเราอีกแล้ว เราสั่งช็อกโกแลตรสส้มยูสุ รสส้มไม่โดดมาก ไม่ทำให้รู้สึกว่าเด่นกว่าช้อกโกแลตแน่นอน ที่ร้านยังมีอาหารกลางวันด้วย
ทั้งสองร้านราคาอาหารอาจสูงหน่อย แต่มินาคามิคือเมืองที่เรามาเพื่อพักผ่อน แค่มานั่งเสพบรรยากาศก็คุ้มแล้ว เที่ยวทั้งทีเอาให้คุ้ม ต้องเก็บให้ครบ ตั้งแต่มื้อยาจก ยันมื้อล้มละลาย
![](https://www.womjapan.com/wp-content/uploads/2018/09/P1090557.jpg)
![P1090550](https://www.womjapan.com/wp-content/uploads/2018/09/P1090550-1-768x576.jpg)
นีงะตะ
ชื่อเสียงเรื่องความหอมหนึบหนับของข้าวโคชิฮิคาริ จากจังหวัดนีงะตะ เราได้ยินมาตั้งแต่ก่อนจะไปเยือนแล้ว เพราะมีแหล่งน้ำที่ละลายจากหิมะที่อุดมไปด้วยแร่ธาตุบนเขาในฤดูหนาวไหลลงสู่ท้องนา ประกอบกับการได้ไปเห็นภาพนาขั้นบันไดกับตาที่เมือง Tōkamachi ในบริเวณที่เรียกว่า Hoshitoge ทุ่งนาที่เรียงรายไล่ระดับชวนตะลึงแบบนี้เรียกว่า Tanada ยิ่งทำให้เชื่อแล้วว่า เป็นข้าวที่อร่อยที่สุดในญี่ปุ่นด้วยความพิถีพิถันในทุกๆ ขั้นตอนการปลูกจนกระทั่งเก็บแพคลงถุง จึงเป็นเสน่ห์ที่ผู้รักการทานข้าว กับปลาย่าง หรือชอบดื่มสาเก ไม่ควรพลาด
4. Tonkatsu Sanjo
ความประทับใจแรกเมื่อเข้าจังหวัดแห่งท้องนาคือ ร้านขายข้าวหน้าหมูทอดราดซอส หรือที่เรียกว่าทาเรคัตสึดง เซ็ทละ 910 เยน จริงๆ ก็เหมือนกับคัตสึดงที่ไม่ตอกไข่ แต่ราดซอสโชยุแทน
รสชาติดีกว่าที่เคยกินมาทั้งชีวิต เราราดซอสเผ็ด ซึ่งไม่เผ็ดเลย ส่วนอีกรสคือรสหวาน ซอสช่วยเสริมความชุ่มฉ่ำของเนื้อหมู บวกกับความหนึบหนับของข้าวโฮชิฮิคาริของนีงาตะที่เพิ่มความเจริญอาหาร อร่อยสุดๆ ส่วนไข่ก็มีเป็นไข่ต้มโรยเกลือ ความพิเศษอยู่ที่ไข่มันสดมาก กินยังไงก็อร่อย
![](https://www.womjapan.com/wp-content/uploads/2018/09/P1022553-768x576.jpg)
![](https://www.womjapan.com/wp-content/uploads/2018/09/P1022534-768x576.jpg)
5. Tochu Ojiya
ร้านนี้มีความเก๋ที่นำบ้านเก่ามาทำร้านอาหารแบบไคเซกิ ชั้น 3 และคาเฟ่ชั้น 2 อาคารจึงสร้างด้วยไม้ทั้งหลัง ล้อมรอบไปด้วยสวนญี่ปุ่น แต่ได้กลิ่นอายแบบญี่ปุ่นแท้ๆ
เรามาดูอาหารมื้อกลางวันแบบไคเซกิของเรากันดีกว่า
1. เต้าหู้โคโรเกะ เห็ดไมตาเกะ
2. ลูกชิ้นปลา ฟักต้มซุป กระเจี๊ยบ
3. เทมปุระ มันญี่ปุ่น มะเขือม่วง ปลา tachiuo
4. ไข่ตุ๋นเย็น วากิวโรสบีฟ สาหร่าย
5. ข้าวโรยไชเท้าดอง
6. คัมปาจิ ไท กุ้งหวาน
เราว่า การมาที่ญี่ปุ่นขอให้ลองไคเซกิสักมื้อ เพื่อให้ได้เสพมื้อหรูแบบญี่ปุ่นสักครั้ง
![](https://www.womjapan.com/wp-content/uploads/2018/09/P1033613-768x576.jpg)
![](https://www.womjapan.com/wp-content/uploads/2018/09/P1033629-768x576.jpg)
อาหารเที่ยง 11:00 - 15:00
อาหารเย็น 17:00 - 23:00
คาเฟ่ 11:00 - 16:00
1.6 กิโลเมตรจากสถานี JR Ojiya
6. Uonuma no Sato
Yukimuro สาเกที่จังหวัดนีงาตะมีชื่อเสียงมาก เพราะเป็นแหล่งปลูกข้าวของญี่ปุ่น ประกอบกับวิธีการหมักที่มีการสืบทอดภูมิปัญญาท้องถิ่นต่อๆ กันมาแล้ว ยิ่งทำให้การดื่มสาเกของนีงาตะเป็นเรื่องที่น่าสนใจ
ในช่วงฤดูหนาวที่นีงาตะมีหิมะปกคลุมสูงถึง 3 เมตร ในอดีตจึงนำหิมะมาเก็บทำเป็นห้องเย็นเพื่อถนอมอาหาร ต่อมาจึงได้นำหิมะมาเก็บเพื่อสร้างเป็นห้องผลิตเหล้าที่ 5 องศา ความเย็นจะวนอยู่ในนี้ และมีถังที่หมักเหล้าไว้ 3 ปี เมื่อครบรอบเหล้าก็จะอร่อย
Satoya ร้านคาเฟ่ Baumkuchen ใน Uonuma no Sato ที่นี่เปิดมาได้ 7 ปีแล้ว สินค้าขายดีอันดับ 1 คือ บังคุเฮงที่เคลือบด้วยเหล้าที่ผสมน้ำตาลคาราเมล อันดับ 2 คือ บังคุเฮงที่ผสมเหล้าในเนื้อเค้ก อันที่ 3 คือบังคุเฮงกลิ่นพีช ไม่มีเหล้า
![](https://www.womjapan.com/wp-content/uploads/2018/09/P1033717-768x576.jpg)
![](https://www.womjapan.com/wp-content/uploads/2018/09/P1033731-768x576.jpg)
![](https://www.womjapan.com/wp-content/uploads/2018/09/P1033723-768x576.jpg)
![](https://www.womjapan.com/wp-content/uploads/2018/09/P1033726-768x576.jpg)
นากะโนะ
ทริปกุนมะ นีงาตะ นากะโนะ มีความน่าแปลกคือ เราได้กินเมนูโซบะทุกวัน เป็นเพราะทั้ง 3 จังหวัดนี้มีพื้นที่สูงค่อนข้างมาก แต่เราก็ขอยกยิ้วให้นากะโนะเป็นอันดับ 1 ด้านโซบะ เพราะมีพื้นที่เป็นภูเขามากที่สุดคิดเป็น 80% ของพื้นที่ทั้งจังหวัด ด้วยเหตุนี้จึงเปี่ยมด้วยอากาศและน้ำบริสุทธิ์ และมีพื้นที่ปลูกต้นโซบะค่อนข้างมาก โดยเฉพาะที่ Togakushi พื้นที่การเพาะปลูกโซบะที่มีชื่อเสียงมากที่สุด นอกจากนี้ยังมีวัฒนธรรมด้านอาหารการกินที่หลากหลาย
7. YAMABUKI @Patio Daimon
ร้านยามาบูกิได้รีโนเวตจากบ้านเก่าบนถนนหน้าวัด Zenkoji ที่เคยเป็นตลาด โดยมื้อไคเซกินี้มีไฮไลต์คือ เนื้อวัว ชื่อ Shinshu gyu เนื้อวัวขึ้นชื่อของจังหวัดนากะโนะที่กินแอปเปิ้ลจนตัวอ้วน เนื้อจะหอมหวาน นำมาย่างได้รสชาติที่นุ่มชุ่มฉ่ำ
เรียกว่าเป็นมื้อไคเซกิที่ประทับใจที่สุดในชีวิต เพราะมีสีสัน และพิถีพิถันในทุกๆ เมนู อีกเมนูประทับใจคือ โซบะ กับเทมปุระ สดมาก! ส่วนซาชิมิ จะมีปลามาได ชูโทโร่ โอโทโร่ หอยอาคะไก ที่สดอีกเช่นกัน
![](https://www.womjapan.com/wp-content/uploads/2018/09/P1044802-768x576.jpg)
มื้อเที่ยง 11:00-15:00 มื้อเย็น 17:00-20:00
300 เมตรจากวัด Zenkoji
8. Kokorone : Touji -soba
ย่าน Narai Juku นี้เป็นหนึ่งในแหล่งผลิตโซบะเก่าแก่ เส้นจะเด้งๆ เพราะใช้แป้งบัควีตที่ดีต่อสุขภาพในสัดส่วนที่มากกว่าแป้งสาลี ทานพร้อมซุปชาบูรสกลมกล่อม เราชอบที่รสมีความหอมของเห็ดชิเมจิ บวกกับการสนุกลวกเส้นทีละกำมือ เมนูนี้เรียกว่า โทจิโซบะ ราคา 1,450 เยน สุดท้ายแล้วตบท้ายด้วยของหวานขึ้นชื่อของที่นี่ โกเฮโมจิ โมจิข้าวเหนียวๆ ราดด้วยซอสงา หวานๆ เค็มๆ ไม่เคยกินที่ไหนมาก่อน และชอบมาก
![](https://www.womjapan.com/wp-content/uploads/2018/09/P1055099-2-768x576.jpg)
![](https://www.womjapan.com/wp-content/uploads/2018/09/P1055090-2-768x576.jpg)
![](https://www.womjapan.com/wp-content/uploads/2018/09/P1055101-768x576.jpg)
9. Le Grand Hotel and Resort
มื้อค่ำที่ห้องอาหารฝรั่งเศส ของโรงแรมและรีสอร์ท เลอ แกรนด์ จัดบริการเป็นคอร์ส ด้วยบรรยากาศที่เหมือนอยู่บ้านพักตากอากาศของยุโรป ประกอบกับภาพหุบเขาที่อยู่เบื้องหน้า ทำให้เป็นค่ำคืนสุดโรแมนติก เหมาะมากันแบบคู่รัก
มื้อนี้มีเมนูผักผลไม้สดจากเมืองหนาวอย่างคารุยซาว่า เพิ่มความสดชื่นคู่กับปลาแซลมอน ซุปลอปสเตอร์ที่มีรสชาติที่เข้มข้น และไฮไลต์ของมื้อนี้คือเนื้อย่าง
![](https://www.womjapan.com/wp-content/uploads/2018/09/P1055480.jpg)
![](https://www.womjapan.com/wp-content/uploads/2018/09/P1055481-768x576.jpg)
![](https://www.womjapan.com/wp-content/uploads/2018/09/P1055461-768x576.jpg)
![](https://www.womjapan.com/wp-content/uploads/2018/09/P1055451-768x576.jpg)
10. Karuizawa Logtei
รองท้องก่อนไฮกิ้งขึ้นเขาที่ร้านปิ้งย่างสไตล์คันทรี่ โฮม ที่นี่คิวแน่นไปด้วยคนท้องถิ่น และนักท่องเที่ยว ใครมาคารุอิซาว่า ก็แนะนำให้ขับรถหรือเช่าจักรยานมาชิมเนื้อย่างร้าน Logtei เนื้อคัลบี้ติดมันหน่อยๆ เหนียวนุ่ม เคี้ยวมัน เสิร์ฟพร้อมข้าวสวย และซุปมิโสะ เพียงชุดละ 2,000 เยน ทานได้ 2 คน คุ้มสุดๆ
![](https://www.womjapan.com/wp-content/uploads/2018/09/P1055704-768x576.jpg)
![](https://www.womjapan.com/wp-content/uploads/2018/09/P1055726-768x576.jpg)
![](https://www.womjapan.com/wp-content/uploads/2018/09/P1055714.jpg)
มื้อเที่ยง 11:00-14:00
มื้อเย็น 17:00-22:00 เฉพาะวันเสาร์ 21:30
10 นาที จากสถานี Karuizawa