สร้างความแปลกประหลาดใจอยู่ไม่น้อย สำหรับการเปิดตัวสินค้าใหม่ของบริษัท ยาคูลท์ (ประเทศไทย) จำกัด ในรอบเกือบ 50 ปี ซึ่งเราต่างก็คุ้นเคยกับยาคูลท์ตัวเดิม ที่ไม่เคยเปลี่ยนรสชาติและแพ็กเกจใดๆ มาตลอด แต่ตอนนี้ยาคูลท์กลับสร้างน้องใหม่ “ยาคูลท์ไลท์” หรือสูตรน้ำตาลน้อย ชวนให้สายรีวิวอดใจไม่ไหว ต้องขอลองด่วนๆ !!!
![Yakult (8)](https://www.womjapan.com/wp-content/uploads/2018/07/Yakult-8.jpg)
2 รสชาติของยาคูลท์ ประเทศไทย
ก่อนอื่นต้องขอเล่าย้อนถึงเอกลักษณ์ของเครื่องดื่มนมเปรี้ยวที่ไม่ผสมผลไม้ มีตัวชูโรงเป็นจุลินทรีย์แลคโตบาซิลลัสคาเซอิ ชิโรต้า สายพันธุ์พิเศษที่มีเฉพาะในยาคูลท์ ผ่านการค้นคว้าโดย ดร. มิโนรุ ชิโรตะ นายแพทย์ชาวญี่ปุ่น จุลินทรีย์ชนิดนี้มีความสามารถพิเศษ คือ ทนต่อความเป็นกรดในกระเพาะอาหารและน้ำดีจากตับอ่อน จึงทำให้มีชีวิตรอดลงไปถึงลำไส้ ช่วยปรับสมดุลระบบย่อยอาหารให้ลำไส้เล็กทำงานดีขึ้น และช่วยลดอาการท้องผูก จากการยับยั้งการเจริญเติบโตของแบคทีเรียก่อโรคในลำไส้ใหญ่
![Yakult (4)](https://www.womjapan.com/wp-content/uploads/2018/07/Yakult-4-768x512.jpg)
เจาะหลอดพร้อมดื่ม
ไม่ใช่แค่นั้น แพ็กเกจและปริมาณของยาคูลท์ที่ไม่เคยขยายใหญ่เลย ก็ถูกคิดมาแล้วว่า ที่ต้องเป็นเช่นนี้ เพราะใน 1 ขวดปริมาณ 80 cc ให้พลังงาน 71 kcal เหมาะสำหรับการดื่มที่พอดีต่อวัน ซึ่งหากร่างกายรับเชื้อจุลินทรีย์มากเกินไปจะทำให้ท้องเสียได้
![Yakult (6)](https://www.womjapan.com/wp-content/uploads/2018/07/Yakult-6.jpg)
จำหน่ายเป็นทางการเมื่อ 1 มิถุนายน 2561
แต่สิ่งที่เป็นข้อกังขามายาวนานสำหรับสายเฮลตี้ นั่นคือ ปริมาณน้ำตาลที่เท่ากับ 3.5 ช้อนชา ทั้งที่เราไม่ควรกินหวานเกิน 6 ช้อนชาต่อวัน แค่ดื่มยาคูลท์ก็ปาเข้าไปครึ่งหนึ่งแล้ว อย่างนั้นทำยาคูลท์แบบไม่หวานออกมาได้มั้ย? คำตอบคือความหวานนั้นมีประโยชน์ที่จะช่วยให้สารอาหารในยาคูลท์มีอายุนานขึ้น เก็บรักษาคุณค่ามาถึงมือผู้บริโภคได้ ซึ่งความหวานก็จำเป็นต้องมี แต่ก็ไม่ตอบโจทย์คนรักสุขภาพ จึงทำให้กำเนิดเป็น…“ยาคูลท์ไลท์” มีการเผยโฉมมาตั้งแต่ช่วงเดือนเมษายนที่ผ่านมา แต่เพิ่งจะวางจำหน่ายเมื่อ 1 มิถุนายนนี่เอง
![Yakult (7)](https://www.womjapan.com/wp-content/uploads/2018/07/Yakult-7.jpg)
ชูโรงว่า ปริมาณน้ำตาลน้อยเพียง 1.75%
สิ่งที่เปลี่ยนแปลงคือ ปริมาณน้ำตาลน้อยเพียง 1.75% และใช้วัตถุให้ความหวานจากกลูโคสเปลี่ยนมาเป็นความหวานจากพืช คือ มอลทิทอล ที่ทำมาจากมันสำปะหลัง และซูคราโลส ที่ทำมาจากอ้อย พร้อมแพ็กเกจที่ดูสดใส ทันสมัย เหมาะกับยุค 4.0
![Yakult (3)](https://www.womjapan.com/wp-content/uploads/2018/07/Yakult-3.jpg)
ชิมแล้วต้องบอกต่อ
ว่าแล้วก็มาชิมสูตรนี้ ต้องบอกก่อนว่า ผู้เขียนจองออเดอร์ยาคูลท์ไลท์กับสาวยาคูลท์นานมาก เพราะไม่มีขายผ่านช่องทางอื่น การจัดจำหน่ายยังคงยึดหลักไดเร็คเซลล์ผ่านสาวยาคูลท์เช่นเคย และเมื่อพอได้ดูดดื่มขวดแรก พบว่ารสชาติแทบไม่ต่างจากรสเดิมสักเท่าไหร่ แต่ความหวานจะกลมกล่อมกว่า ซึ่งรสเดิมในสัมผัสแรกจะมีรสหวานจี๊ดมากกว่า หลายคนจึงอาจบอกว่าไม่รู้สึกต่างจากเดิม แต่ถ้าลองชิม 2 แบบคู่กัน (ไม่แนะนำให้ทาน 2 ขวดต่อวันบ่อยๆ) จะพบว่าสัมผัสแรกของรสชาติมีความแตกต่าง แม้เพียงเล็กน้อยก็ตาม
![Yakult (9)](https://www.womjapan.com/wp-content/uploads/2018/07/Yakult-9.jpg)
แพ็กเกจที่ปรับเปลี่ยนใหม่ (ด้านหน้า)
![Yakult (1)](https://www.womjapan.com/wp-content/uploads/2018/07/Yakult-1-768x512.jpg)
เทียบกันเห็นๆ ด้านบนก็ปรับโฉมใหม่
![Yakult (2)](https://www.womjapan.com/wp-content/uploads/2018/07/Yakult-2.jpg)
แพ็กเกจที่ปรับเปลี่ยนใหม่ (ด้านหลัง)
ลองมาเทียบกันชัดๆ ชอบแบบไหนมากกว่ากัน…
เชื่อว่า ยาคูลท์ เป็นอีกหนึ่งเครื่องดื่มของโปรดของหลายๆ คน จากรุ่นพ่อแม่ สู่รุ่นลูก รุ่นหลาน การเปิดตัว ยาคูลท์ไลท์ จึงเป็นที่ได้รับความสนใจไม่น้อย ใครชิมแล้วเป็นอย่างไรบ้าง ชอบ หรือ ไม่ชอบ แบบคลาสสิกหรือแบบทันสมัย แบบไหนโดนใจ ถูกปากมากกว่า ก็อย่าลืมแชร์ให้ชาว WOM Japan รู้กันบ้างนะคะ
![Yakult (5)](https://www.womjapan.com/wp-content/uploads/2018/07/Yakult-5.jpg)
ที่มาข้อมูลบางส่วน : Yakult Thailand
ภาพและรีวิวจากประสบการณ์ตัวเอง