เซอร์ไพรส์!! Yakult Light สูตรใหม่ในรอบ 50 ปี

สร้างความแปลกประหลาดใจอยู่ไม่น้อย สำหรับการเปิดตัวสินค้าใหม่ของบริษัท ยาคูลท์ (ประเทศไทย) จำกัด ในรอบเกือบ 50 ปี ซึ่งเราต่างก็คุ้นเคยกับยาคูลท์ตัวเดิม ที่ไม่เคยเปลี่ยนรสชาติและแพ็กเกจใดๆ มาตลอด แต่ตอนนี้ยาคูลท์กลับสร้างน้องใหม่ “ยาคูลท์ไลท์” หรือสูตรน้ำตาลน้อย ชวนให้สายรีวิวอดใจไม่ไหว ต้องขอลองด่วนๆ !!!

2 รสชาติของยาคูลท์ ประเทศไทย

ก่อนอื่นต้องขอเล่าย้อนถึงเอกลักษณ์ของเครื่องดื่มนมเปรี้ยวที่ไม่ผสมผลไม้ มีตัวชูโรงเป็นจุลินทรีย์แลคโตบาซิลลัสคาเซอิ ชิโรต้า สายพันธุ์พิเศษที่มีเฉพาะในยาคูลท์ ผ่านการค้นคว้าโดย ดร. มิโนรุ ชิโรตะ นายแพทย์ชาวญี่ปุ่น จุลินทรีย์ชนิดนี้มีความสามารถพิเศษ คือ ทนต่อความเป็นกรดในกระเพาะอาหารและน้ำดีจากตับอ่อน จึงทำให้มีชีวิตรอดลงไปถึงลำไส้ ช่วยปรับสมดุลระบบย่อยอาหารให้ลำไส้เล็กทำงานดีขึ้น และช่วยลดอาการท้องผูก จากการยับยั้งการเจริญเติบโตของแบคทีเรียก่อโรคในลำไส้ใหญ่

เจาะหลอดพร้อมดื่ม

ไม่ใช่แค่นั้น แพ็กเกจและปริมาณของยาคูลท์ที่ไม่เคยขยายใหญ่เลย ก็ถูกคิดมาแล้วว่า ที่ต้องเป็นเช่นนี้ เพราะใน 1 ขวดปริมาณ 80 cc ให้พลังงาน 71 kcal เหมาะสำหรับการดื่มที่พอดีต่อวัน ซึ่งหากร่างกายรับเชื้อจุลินทรีย์มากเกินไปจะทำให้ท้องเสียได้

จำหน่ายเป็นทางการเมื่อ 1 มิถุนายน 2561

แต่สิ่งที่เป็นข้อกังขามายาวนานสำหรับสายเฮลตี้ นั่นคือ ปริมาณน้ำตาลที่เท่ากับ 3.5 ช้อนชา ทั้งที่เราไม่ควรกินหวานเกิน 6 ช้อนชาต่อวัน แค่ดื่มยาคูลท์ก็ปาเข้าไปครึ่งหนึ่งแล้ว อย่างนั้นทำยาคูลท์แบบไม่หวานออกมาได้มั้ย? คำตอบคือความหวานนั้นมีประโยชน์ที่จะช่วยให้สารอาหารในยาคูลท์มีอายุนานขึ้น เก็บรักษาคุณค่ามาถึงมือผู้บริโภคได้ ซึ่งความหวานก็จำเป็นต้องมี แต่ก็ไม่ตอบโจทย์คนรักสุขภาพ จึงทำให้กำเนิดเป็น…“ยาคูลท์ไลท์” มีการเผยโฉมมาตั้งแต่ช่วงเดือนเมษายนที่ผ่านมา แต่เพิ่งจะวางจำหน่ายเมื่อ 1 มิถุนายนนี่เอง

ชูโรงว่า ปริมาณน้ำตาลน้อยเพียง 1.75%

สิ่งที่เปลี่ยนแปลงคือ ปริมาณน้ำตาลน้อยเพียง 1.75% และใช้วัตถุให้ความหวานจากกลูโคสเปลี่ยนมาเป็นความหวานจากพืช คือ มอลทิทอล ที่ทำมาจากมันสำปะหลัง และซูคราโลส ที่ทำมาจากอ้อย พร้อมแพ็กเกจที่ดูสดใส ทันสมัย เหมาะกับยุค 4.0

ชิมแล้วต้องบอกต่อ

ว่าแล้วก็มาชิมสูตรนี้ ต้องบอกก่อนว่า ผู้เขียนจองออเดอร์ยาคูลท์ไลท์กับสาวยาคูลท์นานมาก เพราะไม่มีขายผ่านช่องทางอื่น การจัดจำหน่ายยังคงยึดหลักไดเร็คเซลล์ผ่านสาวยาคูลท์เช่นเคย และเมื่อพอได้ดูดดื่มขวดแรก พบว่ารสชาติแทบไม่ต่างจากรสเดิมสักเท่าไหร่ แต่ความหวานจะกลมกล่อมกว่า ซึ่งรสเดิมในสัมผัสแรกจะมีรสหวานจี๊ดมากกว่า หลายคนจึงอาจบอกว่าไม่รู้สึกต่างจากเดิม แต่ถ้าลองชิม 2 แบบคู่กัน (ไม่แนะนำให้ทาน 2 ขวดต่อวันบ่อยๆ) จะพบว่าสัมผัสแรกของรสชาติมีความแตกต่าง แม้เพียงเล็กน้อยก็ตาม

แพ็กเกจที่ปรับเปลี่ยนใหม่ (ด้านหน้า)

เทียบกันเห็นๆ ด้านบนก็ปรับโฉมใหม่

แพ็กเกจที่ปรับเปลี่ยนใหม่ (ด้านหลัง)

 

ลองมาเทียบกันชัดๆ ชอบแบบไหนมากกว่ากัน

เชื่อว่า ยาคูลท์ เป็นอีกหนึ่งเครื่องดื่มของโปรดของหลายๆ คน จากรุ่นพ่อแม่ สู่รุ่นลูก รุ่นหลาน การเปิดตัว ยาคูลท์ไลท์ จึงเป็นที่ได้รับความสนใจไม่น้อย ใครชิมแล้วเป็นอย่างไรบ้าง ชอบ หรือ ไม่ชอบ แบบคลาสสิกหรือแบบทันสมัย แบบไหนโดนใจ ถูกปากมากกว่า ก็อย่าลืมแชร์ให้ชาว WOM Japan รู้กันบ้างนะคะ

 

ที่มาข้อมูลบางส่วน : Yakult Thailand

ภาพและรีวิวจากประสบการณ์ตัวเอง

FOLLOW US ON
FACEBOOK