คลื่นลูกใหม่ที่น่าจับตามองอีกหนึ่งชีวิต ที่กำลังได้รับความสนใจเป็นอย่างมาก อย่าง จิบะ เอรี่ (Chiba Erii) สาวเกรด F จาก AKB48 Team A อายุเพียง 14 ปี เอรี่ เป็นเด็กDraft รุ่น2 ของ AKB48 ในปี 2015 ก่อนได้เข้ามาเป็นสมาชิก Team 4 และในปี 2017 ได้มีการย้ายทีมมาอยู่ Team A เอรี่มีคาแร็คเตอร์เป็นสาวเกลือ (ชิโอะ) หมายความว่าเป็นเสือยิ้มยากในช่วงแรกๆ แต่พอเริ่มยิ้ม เริ่มซนเท่านั้นล่ะ น้องสาวคนนี้ตกแฟนๆ ได้เหมือนกันนะ ถึงแม้จะยังไม่เคยติดเซมบัตสึ แต่ก็เคยติดเพลงรอง เอรี่ไม่ใช่คนที่มีพื้นฐานดีมาตั้งแต่แรก บวกกับสไตล์การเต้นและไลน์เต้นไม่แข็งแรง ดังนั้นการแสดงของเอรี่ มักจะออกมาทางสีหน้าเสียเป็นส่วนใหญ่ เธอเน้นความสนุกสนานในการแสดงสไตล์ไอดอลญี่ปุ่น เอรี่เข้าร่วมProduce 48 ด้วยระยะการฝึก 3ปี 1เดือน และ คำที่อยากบอกทุกคน คือ “ตัดสินใจจะทำแล้ว จะพยายามให้ถึงที่สุด”
ขอเปิดประเด็นเด็กเอรี่ที่กำลังครุกรุ่น เมื่อถูกเลือกให้ Battle เพลง ‘Boombayah’ ที่ทุกคนบอกว่ายาก และ ไม่อยากได้มากที่สุด เอรี่ได้ประกาศออกมาว่า “ไม่ไหวหรอก”ช่วงออกอากาศคำวิจารณ์เรื่องงอแงแบบไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ยเริ่มหนาหูขึ้นเป็นพิเศษ เมื่อจู่ๆ จิบะ เอริ เกิดไม่สบอารมณ์ที่จะซ้อมขึ้นมาเสียดื้อๆ ส่งผลให้เพื่อนร่วมทีมเกาหลีล้วนหนักใจกันไปตามๆ กัน อาจดูเป็นเรื่องเล็กน้อยสำหรับเด็กวัย 14 ที่ย่อมมีความรู้สึกอยากยอมแพ้หรือล้มเลิกกลางคันเอาง่ายๆ แต่สำหรับ Produce48 แล้วนับว่าเป็นเวทีแห่งศักดิ์ศรี เวทีแห่งอนาคต
และในครั้งนี้เอรี่ได้แบกนามสกุลของ 48 กรุ๊ปเอาไว้ ทำให้คำเปรยบน profile ของเธอที่ว่า “ตัดสินใจจะทำแล้ว จะพยายามให้ถึงที่สุด” เป็นเพียงเครื่องตอกหน้าว่าเธอกำลังพาตัวของเธอเองไปอย่างผิดทิศทาง ไม่สมกับความตั้งใจแรก การแบกนามสกุล 48 เอาไว้ สุดท้ายกลับกลายเป็นเพียงการใช้สิทธิ์เพื่อนั่งเครื่องบินมาถึงเกาหลีในหมู่คนดูจำนวนมาก ต่างจากเด็กเกาหลีที่มาตัวเปล่าไร้ชื่อเสียงเรียงนาม แม้จะยากลำบากก็พร้อมฝ่าฟันเพื่อจะได้เดบิวเป็นศิลปินตัวจริง บ้างก็กล่าวว่าที่เอรี่เพิกเฉยต่อการซ้อมของทีมได้ถึงขนาดนี้เป็นเพราะ แม้ยอมแพ้กลับไปก็ไม่เสียหาย ยังไงเสีย เมื่อกลับญี่ปุ่นไปก็ยังมีงานการทำเช่นเคย และนี่ยิ่งเป็นการตอกย้ำให้เห็นความแตกต่างระหว่างวงการ K-POP และ J-POP ได้อย่างชัดเจน
จริงอยู่ที่ว่า จิบะ เอรี่ พยายามอย่างหนักมามากแล้ว เพราะในรายการไม่เคยมีสมาชิกคนไหนไม่พยายาม ทุกคนพยายามอย่างหนักมาตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา พวกเธอต้องขาดการติดต่อจากโลกภายนอกเป็นเหมือนเด็กติดถ้ำ ที่ต้องเร่งพัฒนาฝึกฝนฝีมือ เพื่อรายการนี้ แต่ในเมื่อเวทีแห่งนี้มีแต่การแข่งขัน ไม่ว่าจะพยายามมากแค่ไหนยังไงคนที่อ่อนซ้อมก็ต้องแพ้ทางให้คนที่พัฒนาตัวเองอยู่เสมอ
แต่จากความท้อแท้ของเด็กญี่ปุ่นจนดูเหมือนไม่จริงจังกับการซ้อม ทำให้เทรนเนอร์โซยู (Souyu) 1 ใน voice trainer ถึงกับพูดออกมาว่า “พวกคุณเกลียดมันขนาดนี้เลยหรอ ถ้าไม่อยากซ้อมก็เชิญออกไป” แต่การแข่งก็ยังต้องดำเนินต่อไป แม้จะท้อ ไม่อยากซ้อม และไม่อยากแข่งขนาดไหนก็ตาม เมื่อครั้งเพื่อนร่วมทีมได้มีโอกาสเปิดใจพูดคุยกัน ในหัวข้อสนทนาที่ว่า “ไม่มีใครรู้ว่าผลลัพธ์จะเป็นอย่างไรในตอนจบ” และเข้ามาช่วยสอน ทำให้เอรี่เริ่มที่จะสนุก อยากจะแข่งไปกับทีม
หน้าตาดีที่สุด ไม่ได้หมายความว่าเก่งที่สุด เก่งที่สุดก็ไม่ได้หมายความว่าจะได้รับการยอมรับจากเหล่าแฟนคลับ เช่นกัน เพราะทุกอย่างล้วนขึ้นอยู่กับโอกาสทั้งสิ้น เช่นเดียวกับในขณะที่เอรี่กำลังถูกคำวิจารณ์ไล่กวดเธอบนโลกออนไลน์อย่างหนาหู ฟ้าหลังฝนย่อมสวยงามเสมอ เพราะ จู่ๆ กลับมีผู้คนจำนวนมากสงสารและเห็นใจที่ทีมของเธอถูกดูแคลนถึงขั้นถูกเลือกให้กลายมาเป็นคู่แข่งของทีมที่มีสมาชิกเป็นคนเกาหลีล้วนเพียงเพราะพวกเธอไม่สมานฉันท์ในการซ้อมโดยมีเอรี่เป็นต้นเหตุ ตอนนี้ทำเอาคนดูแทบแยกโสตประสาทระหว่างเห็นใจกับสะใจกันไม่ทันเลยทีเดียว
ก่อนการแข่งขันเริ่มขึ้น บ้างก็ดูเพราะหวังเสพดราม่า บ้างก็ดูเพราะสงสารที่อ่อนแอแต่ดันโดนเหยียบซ้ำ
หลายคนที่วิจารณ์ก็กลับลำเปลี่ยนมาเป็นกำลังใจให้อย่างไม่รู้ตัว ไม่ว่าจะเป็นเสน่ห์ ความเป็นตัวของตัวเอง ความชัดเจนในสิ่งที่เลือก และผลลัพธ์คือ เธอทำออกมาได้ดี จนเทรนเนอร์ต่างชมว่า “ดี ทำได้ดีมาก” แถมเธอยังคว้าใจโปรดิวซ์เซอร์แห่งชาติไปได้ไม่น้อย
ความดื้อรั้นและความชอบเอาชนะมีเส้นบางๆ กั้นอยู่ แม้จะแยกไม่ค่อยออก แต่ต้องยอมรับว่าเด็กคนนี้ทำได้ยอดเยี่ยมสมกับเป็นไอดอลประจำชาติญี่ปุ่น เพราะของจริงไม่พูดเยอะเขาเน้นทำ
2 สาวที่เรายกมาในตอนนี้ไม่ใช่แค่เพราะกระแสทางโลกออนไลน์ แต่เป็นเพราะความโดดเด่น ของพวกเธอกำลังฉายแววออกมา แม้จะไม่ใช่ท๊อปเมมเบอร์ แต่สิ่งที่พวกเธอมีก็คือความเป็นตัวของตัวเอง เอรี่กับความไร้เดียงสาแบบเด็กๆ ชอบคือชอบ ไม่ชอบก็คือไม่ชอบ แต่โปรก็คือโปร ไม่ชอบก็ต้องทำ และต้องทำออกมาให้ดีที่สุด ด้วยความพยายามเหล่านั้นก็ส่งผลให้เธอชนะ มีคนมาสนใจว่าเด็กคนนี่จะทำได้หรือเปล่า กระทั่งเผลอเป็นกำลังใจให้เธออย่างไม่รู้ตัว และอยากสนับสนุนต่อไปเช่นเดียวกับ มุราเสะ ที่รายการไม่ค่อยพูดถึง แต่เธอก็พยายามแสดงความสามารถและศักยภาพที่มีอยู่ออกมาจนได้ ผลก็คือ ทุกคนต่างตกใจที่ยังมีคนเก่งหลบอยู่ตรงนี้อีกหนึ่งคน ตอนนี้พวกเธอก็กำลังพัฒนาตัวเอง เพื่อพิสูจน์ตัวตนและความสามารถ ไม่ใช่เพื่อใครแต่เพื่อตัวเอง เกรดอาจจะเป็นตัววัดความสามารถ แต่คนที่จะตัดสินพวกเธอก็คือ "เหล่าโปรดิวซ์แห่งชาติทุกคน" ความเก่งอาจไม่ใช่ทุกอย่าง แต่ความน่าใจในสตอรี่ ความพยายาม มีส่วนช่วยดึงเกมส์ในรายการให้น่าติดตามต่อไป
นอกจากนี้ แต่เดิมดราม่าของ 48Groups มีมาก่อนที่รายการจะฉายแล้ว ทั้งเรื่องเกาะกระแสกันดัง เพราะกำลังถึงขาลง ไม่ปังเท่าก่อน จนต้องมาเกาะกระแสของรายการ ท๊อปเมมเบอร์มาทุ่มให้รายการมากเกินไป ยกเลิกการจับมือ งานหลักในญี่ปุ่น หรือ จะเรื่องตัดต่อดึงดราม่าของ Mnet เอง ซึ่งประเด็นเหล่านี้มีมาก่อนรายการเริ่มฉาย และยังมีดราม่าที่เกิดขึ้นในทุกตอน ตั้งแต่ตอนแรกของความไม่เหมาะสมของซากุระ คำพูดดูถูกเด็กญี่ปุ่นต่างๆ ที่ออกมา ซึ่งถ้ามองกันตามตรง มันเป็นเรื่องความต่างของวัฒนธรรม ที่จะต้องทำความเข้าใจกัน
สุดท้ายนี้ปิดท้ายด้วยข่าวด่วนที่ไม่พูดถึงไม่ได้!!
มัตสึอิ จูรินะ (Matsui Jurina) จาก SKE48 ประกาศถอนตัวจากการแข่งขัน Produce8 ด้วยปัญหาทางสุขภาพ เมื่อช่วงเย็นของวันที่ 7 กรกฎาคม ผู้จัดการเธียเตอร์ SKE48 ประกาศการพักกิจกรรมชั่วคราวของ มัตสึอิ จูรินะ อย่างเป็นทางการ ผ่านทางออฟฟิเชียลเว็บไซต์ของวง นอกจากนี้ยังพักงานทั้ง AKB48 group รวมถึง SNS, Mail และ ล่าสุดในรายการสด THE MUSIC DAY ของญี่ปุ่น ที่มีกำหนดแสดงเพลงใหม่จากการเลือกตั้ง “Sentimental Train” ที่จูรินะเป็นเซนเตอร์ก็ไม่ได้ขึ้นแสดง มีเพียงถ้วยรางวัลวางไว้ด้านหน้า
อันดับท้ายรายการตอนที่4
Writer :: Bee-P
จบโทจากญี่ปุ่น เคยร่วมโครงการแลกเปลี่ยนวัฒนธรรม เรียนต่อ ทำงานพิเศษ ท่องเที่ยว จนถึงได้ไปฝึกงานกับบริษัทญี่ปุ่น ส่วนตัวชื่นชอบการท่องเที่ยว วัฒนธรรม นักร้อง ไอดอล รวมถึงอนิเมะ อยู่แล้ว การไปญี่ปุ่นในแต่ละครั้งก็จะไม่พลาดแผนเที่ยวแบบลุยๆ เก็บที่เที่ยวตามทางไปเรื่อยๆ บรรยากาศ วัฒนธรรมความเป็นญี่ปุ่นที่เราอยากจะเล่าเป็นเรื่องราวผ่านบทความให้สนุกไปด้วยกัน ว่าญี่ปุ่นยังมีอะไรให้ค้นหามากว่าตาเห็น
