วูฟญี่ปุ่นครั้งแรกก็ติดใจแล้ว EP13 : กิจกรรมปลายเทอมของโรงเรียนมัธยม

บทนำ

จะไปเที่ยวต่างประเทศคนเดียวทั้งทีก็อยากลองไปหาประสบการณ์แปลกใหม่ดูบ้าง ครั้งแรกมันต้อง ญี่ปุ่น นี่แหละ! แดนอาทิตย์อุทัย ประเทศที่ขึ้นชื่อเรื่องความเป็นระเบียบ และความคิดสร้างสรรค์ ประเทศที่เป็นจุดหมายของใครหลายๆ คน ไม่ว่าจะมาเรียน มาเที่ยว แต่สำหรับผมมาเป็น Wwoofer!

ปลายเดือนตุลาคม-ต้นพฤศจิกายนปี 2017 จึงเป็นบทเริ่มต้นเรื่องราวของชายหนุ่มผู้แสวงหาคุณค่าของชีวิต พูดให้ดูเวอร์ไปแบบนั้น ถ้าพูดกันบ้านๆ ก็คือลูกจ้างชั่วคราวดีๆ นี่เอง ทำงานแลกที่พัก และข้าวประทังชีวิต มันต้องแบบนี้แหละ ผมเบื่อแล้วกับเมืองหลวง ตึกสูง ขอมาลองใช้ชีวิตแบบชนบทง่ายๆ สบายๆ เรียกได้ว่าเป็น Little forest ฉบับชายหนุ่มเลยก็ว่าได้

ชนบทญี่ปุ่นในการ์ตูนแบบผมได้แต่จินตนาการมันเป็นแบบไหน? ธรรมชาติ วิถีชีวิต การเกษตร แต่พอมาเจอของจริงหลายอย่างกลับไม่เป็นแบบที่เราคิด มันเปลี่ยนมุมมองของผม ผมได้พบแก่นแท้ของญี่ปุ่นจริงๆ แบบที่ไม่เคยคิดว่าจะมี ผ่านบ้านโฮสต์ที่เป็นครูสอนดนตรี ทั้งอร่อย กลมกล่อม ไพเราะ มีรอยยิ้มและน้ำตา

เดินทางไปพร้อมกันกับหมาป่าสีน้ำเงินตัวนี้ และเสียงคลื่นของจังหวัดวากายะมะ-Wakayama มาติดตามและเป็นกำลังใจไปพร้อมๆ กันเลยครับ

Chapter I : ทุกสิ่งใหม่ที่ วากายะมะ

EP1: วูฟโฮสต์เรียกว่าบ้าน สภาพแบบนี้ไม่น่าใช่!!

ที่พักสำหรับครึ่งเดือนของผม ข้างนอกอาจดูไม่ต่างจากบ้านญี่ปุ่นทั่วไป แต่ข้างในนี่สิ แม่เจ้า!!

EP2 : บ้านนอก(เขา) ไร่ข้าวริมทาง(รถไฟ)

โฮสต์ก็พาไปไร่ ไกลแค่ไหนก็ในหุบเขา ที่มีรางรถไฟตัดผ่านน่ะสิ

EP3 : เซอร์ไว (Survive) ไต้ฝุ่นมา!!

ครั้งแรกของการมาเยือนญี่ปุ่น ต้องเรียกว่าถูกที่ ถูกเวลามาก ไต้ฝุ่น ขนาดใหญ่พัดเข้าชายฝั่ง วิ่งสิครับรออะไร

EP4 : โอ้ยชีวิต! หลงทางในหมู่บ้าน

หมู่บ้านแสนสงบ คนไม่เยอะบ้านช่องสะอาดตา ชมนกชมไม้ อ้าว! หลงทาง!! ใครจะช่วยเราได้ คนก็ไม่มี

EP5 : จากพี่ชายกลายเป็น ผู้ปกครอง

วันนี้พิเศษ มีน้องๆ 3 สาวมัธยมสุดจะคาวะอี้ มาพักที่บ้านด้วย พี่ชายแสนดี ต้องไปเป็นผู้ปกครอง ทำยังไงดี?

Chapter II : อยู่เป็น

EP6 : เบนโตะของฉันอร่อยที่สุด

การที่เราต้องไปทำงานเองคนเดียวมันก็ดูเหงาๆ และที่สำคัญ ห่อข้าวไปกินเองนะ

EP7 : เจอผีญี่ปุ่น! ต้องทำยังไง

จากที่มองไปรอบๆก็ไม่มีตุ่ม ให้ลงไปซุกตัวหลบ ได้แต่บอกว่า โอยะสุมิ นอนเถอะนะ เราขอ

EP8 : บทเพลง Country Road และกลิ่นกาแฟดริป ในวันฝนตก

กิจกรรมของชาวไร่ชาวนาที่นี่ในวันที่อากาศไม่เป็นใจ มันช่างเป็นศิลปะเสียจริง

EP9 : หลังสู้ฟ้า หน้าสู้ดิน

งานเกี่ยวข้าวเสร็จไปแล้ว แต่กิจกรรมเกี่ยวกับไร่ข้าวยังไม่หมด

EP10 : เด็กขุดมัน

ใกล้เข้าฤดูหนาว หลังการเก็บเกี่ยวข้าว ก็ได้เวลาขุดมันหวาน โอโห!! มันใหญ่มาก!!

EP11 : จากชาวนา มาเป็นคนตกปลา

วันนี้ได้พักหนึ่งวัน โกทูทะเล ไปดูวิธีตกปลาแปซิฟิก

Chapter III : เราไม่เคยพูดซาโยนาระ

EP12 : ออกงานดนตรี

เพราะโฮสต์เป็นนักดนตรี เราเลยได้เป็นลูกมือ ตื่นเต้นทุกครั้งกับการเจอคนเยอะๆ

EP13 : กิจกรรมปลายเทอม ของโรงเรียนมัธยม

ทุกๆปี โรงเรียนมัธยม เด็กๆและครูจะช่วยกันจัดงานเทศกาล โอกาสดีที่เราจะได้รู้ว่าพวกเขาทำอะไรกันบ้าง

EP14 : ต้มยำกุ้ง

สิ่งสำคัญของการเชื่อมสัมพันธ์ก็คงจะต้องเป็นการทำอาหารประจำชาติ ต้มยำกุ้ง (ฉบับญี่ปุ่น)

EP15 : รุ่งสางของวันใหม่

วันสุดท้ายแล้วของการใช้ชีวิตอยู่กับโฮสต์  เรื่องราวถูกถักทอในความทรงจำ พร้อมทั้งความรู้สึกที่เชื่อมโยงเราไว้

แต่การเดินทางของผมยังไม่สิ้นสุด  มันต้องมีอีก !!

“โชคดีจริงๆ”

ผมคิดเรื่องนี้มานานมาก เรื่องการได้เป็นส่วนหนึ่งของโรงเรียนในญี่ปุ่น

เคยอ่านการ์ตูนตอนเด็กๆ ได้เห็นเรื่องราวแสนสนุกผ่านตัวละครนักเรียนในโรงเรียนมัธยม

ไม่ว่าจะเป็นโรงยิมไม้บาเก้ขัดเงา ทางเดินในอาคาร ครูสาวแสนสวย งานเลี้ยงปิดภาคเรียน หรือนักเรียนน่ารักๆ

ผมคาดหวังมาก ว่าต้องไปสัมผัสบรรยากาศเหล่านั้นสักครั้งในชีวิต

และแล้ววันนี้ก็มาถึง!! ผมจะได้ไปเห็นเด็กสาวแรกรุ่นในชุดนักเรียนแล้วโว้ยยยย  แค่คิดก็ฟินแล้ว (มึงดูหื่นมากนะรู้ตัวมั้ย)

 

ที่บอกว่าโชคดีมากๆ ก็เพราะว่า ในช่วงที่ผมมานั้น โรงเรียนมัธยมที่ใหญ่ที่สุดของที่นี่กำลังจะปิดภาคฤดูร้อน

จึงมีการจัดงานโรงเรียนขึ้น โดยเปิดให้ผู้ปกครองหรือคนทั่วไปสามารถเข้าร่วมงานได้ ฟรี!!

มันเป็นโอกาสของลุงหื่นแบบผมที่จะเข้าไปเยี่ยมชมเด็กๆ มัธยม ไม่ใช่ละ..... ล้อเล่นครับ ฮ่าๆ

เป็นโอกาสดีที่เราจะได้ไปสัมผัสบรรยากาศต่างๆ เช่น ชมผลงานนักเรียน และได้กินอาหารที่เด็กๆ ทำกันเอง

คล้ายๆ งาน Open House ในบ้านเราที่เด็กมหาลัยจะเปิดคณะให้คนทั่วไปได้เข้าไปดู

 

ทันทีที่ผมเดินผ่านซุ้มลูกโป่งเข้าไปในงาน สายตาเด็กมากมายก็จับจ้องมาที่ผมราวกับเป็นดาราดัง

นี่ผมต้องสะดุดตาและเท่มากแน่ๆ สมกับเป็นหนุ่มหล่อที่อิมพอตมาจากไทย (รักทุกคนคร้าฟ.......)

ใช่ที่ไหนล่ะ!  สภาพการแต่งตัวของผมเหมือนคนงานต่างด้าวลักลอบเข้าเมือง ที่ไม่เข้ากับงานนี้ โอ้ย!!

ก็เพิ่งกลับจากไร่ จู่ๆ โฮสต์ก็พาแวะ บอกว่างานมีวันนี้วันเดียวยังไงก็ต้องแวะให้ได้ (กลับไปอาบน้ำก่อนได้มั้ย)

ในงานคนเยอะมากๆ ส่วนใหญ่ก็เป็นนักเรียนทั้งนั้น คุณครูหลายคนแต่งชุดกิโมโนมาต้อนรับด้วยนะ

หน้างานมีการลงทะเบียนรับของแจกและลุ้นรางวัล นักเรียนที่ทำหน้าที่ต้อนรับก็น่ารักมากด้วย

เห็นแล้วอยากวิ่งเข้าไปซื้อคูปองอาหารพร้อมกับจับมือน้องเขา (ไม่ใช่งานจับมือไอดอลนะเฟ้ย! ไอ้ลุงหื่น)

ก่อนที่จะเดินหาของกิน โฮสต์พาผมไปที่ป้ายแผนผังเพื่อดูกิจกรรมของวันนี้

“ต้องรีบแล้ว ใกล้ถึงรอบแล้ว ไปเร็วๆ”

โฮสต์ทำท่ารีบร้อนเดินไปถามทางเด็กๆ แล้วก็วิ่งนำผมไป (รอด้วยยยยย ยังดูสาวไม่เสร็จเล๊ย)

เราขึ้นมาบนตึกแล้วหยุดตรงหน้าห้องเรียน มีนักเรียนรอต้อนรับ ให้เปลี่ยนรองเท้าแล้วเข้าไปข้างใน (แปปนะ ถอดบู๊ทก่อน )

ห้องมืดมาก มีนักเรียนคอยส่องไฟฉายให้ตามทางเดินไปยังเก้าอี้นั่ง

“ยังกะโรงหนังเลยว่ะ” ใช่แล้วครับ มันเป็นห้องเรียนที่เอาไว้ฉายหนังนั่นเอง

รอบที่ผมดูเป็นการแสดงละครเวทีของนักเรียนมัธยมปลาย ที่ไปประกวดได้รางวัล ถือเป็นหน้าเป็นตาของโรงเรียนเลยล่ะ

ผมเอาแต่นั่งนิ่งใจจดจ่อตั้งใจดูละคร เปล่าเลย...กูง่วง จะหลับ! ตาจะปิดแล้วเนี่ย

การแสดงดำเนินไปแบบเนิบๆ คิดว่าถ้าคนบ้านเรามาดูก็ไม่ต่างจากการเข้าสภา คงหลับกันหมดแน่ๆ

ตอนแรกผมคิดว่าเป็นละครใบ้ เพราะแสดงแค่ท่าทาง แต่ช่วงกลางเรื่องก็เริ่มใส่พลังกันเต็มที

ตอนนี้ผมเริ่มตื่นเต้นและสนุก น้องๆแสดงกันได้อย่างออกรส บางทีคิดว่าร้องไห้จริงๆ (ทำไมไม่เล่นแบบนี้ตั้งแต่ต้นเรื่องวะ)

การตกแต่งฉากไม่ได้อลังการใดๆ แห้งแล้งมาก ทั้งฉากมีแค่ ถังใส่ผ้า เสื้อผ้า กระเป๋า และก็สมุดอะไรสักอย่าง แต่ดูลงตัวสุดๆ

ชุดคอสตูมก็ใส่แบบบ้านๆ เหมือนชุดชาวบ้านญี่ปุ่นสมัยโบราณ   แต่ดูเข้ากับเนื้อเรื่องและเป็นธรรมชาติมาก

ไม่น่าเชื่อว่าทุกคนที่นั่งดูอย่างตั้งใจ หัวเราะสนุกกันใหญ่ ไม่มีใครแอบหลับ

ผมก็ขำหนักมาก ขำลุงข้างๆ ที่รีแอคชั่นเหมือนแกแสดงเอง ฮ่าๆ

หลังจากดูหนังเสร็จเราก็เดินสำรวจโรงยิม เดินตามห้องต่างๆ ดูผลงานนักเรียนไปเรื่อยๆ

แล้วก็ได้เวลาสำคัญคือการไปตามซุ้มต่างๆ เพื่อกินของอร่อยๆ นั่นเอง

จะบอกว่านักเรียนที่นี่ขายของเก่งมาก แต่ละร้านจะมีเทคนิคของตัวเอง

บางร้านก็มีจับฉลากลุ้นรางวัล มีการร้องเพลงเรียกแขก

บางร้านห้อยป้ายสินค้าราคาไว้ตามตัวเดินหาลูกค้าเอง

มีอาหารหลายอย่างมาก เท่าที่ดูเหมือนจะไม่มีร้านไหนขายของซ้ำกันเลย

คงจะตกลงประชุมกันมาแล้วว่าชั้นไหนจะขายอาหารหรือรับผิดชอบหน้าที่ส่วนไหน

อยากบอกว่า ร้านอาหารที่เด็กๆ ช่วยกันทำเองเนี่ยราคาถูกมากเริ่มต้นที่ 30 บาทก็ได้กินของดีๆ แล้ว

ทาโกะยากิ ข้าวทะเล ยากิโซบะ หลายๆ อย่างอร่อยหมด

ผมชอบบรรยากาศแบบนี้มาก ภาพงานกีฬาสีตอนสมัยมัธยมลอยขึ้นมาเลย (นึกถึงความหลัง เมื่อครั้งยังไม่แก่)

ผมได้มีโอกาสสอบถามโฮสต์เรื่องการเรียนของที่นี่

ได้ความมาคร่าวๆ ว่า เด็กเข้าโรงเรียน 7 โมงเช้า 4 โมงเลิกเรียน

ก่อนเข้าคาบเรียนจะมีคาบโฮมรูมให้คุยกัน มีเรื่องอะไรก็จะคุยกันก่อนทั้งครูและนักเรียน

และในหนึ่งอาทิตย์ก็จะมีคาบกิจกรรมพิเศษให้นักเรียนได้ทำ

อาจจะเป็นงานฝีมือ กีฬา หรือการแนะแนวการเรียนต่อ ขึ้นอยู่กับแต่ละชั้นเรียน

ส่วนใหญ่งานกิจกรรมต่างๆ ครูจะให้นักเรียนช่วยกันคิด ออกแบบ หาไอเดียร่วมกัน ครูจะเป็นฝ่ายสนับสนุนเท่านั้น

นอกจากมีชั่วโมงเรียนไม่เยอะแล้ว การบ้านก็ไม่ค่อยมี แต่เน้นไปทางการเรียนรู้และปฏิบัติจริง

เราอยู่กันจนงานเลิก เห็นเด็กๆ ช่วยกันเก็บร้านของตัวเอง

พอเสร็จแล้วก็ไปช่วยคนอื่นเก็บของ เก็บขยะ

ใช้เวลาไม่นานพื้นที่ก็กลับมาเป็นปกติ รวดเร็วจริงๆ

ผมชอบความเป็นระเบียบของนักเรียนที่นี่มากๆ ตั้งใจจัดงานกันเต็มที่ จบงานก็ช่วยเหลือกันอย่างดี

การปิดภาคฤดูร้อนของผมที่ญี่ปุ่นในวันนี้ ช่างเป็นความทรงจำที่สวยงาม

FOLLOW US ON
FACEBOOK